คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4110/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ส่วนความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,318, 319, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางจิตร์ตรา พงษ์ตระกูล มารดานางสาวกรรณิการ์ ยอดญาณะ ผู้เสียหายยื่นคำร้อง ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคหนึ่ง, 318 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพรากผู้เยาว์ จำคุก 4 ปี และฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและนำสืบรับข้อเท็จจริงบางส่วน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยส่วนที่เป็นการพรากผู้เยาว์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี เมื่อรวมโทษจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้วจำคุก 6 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิด และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนความผิดฐานพรากผู้เยาว์เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้พาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปข่มขืนกระทำชำเราจริง และจำเลยฎีกายอมรับว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยเอง จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วย มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share