คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชะลอการขึ้นเงินเดือนเป็นคำสั่งทั่วไปที่จำเลยสามารถกระทำได้ ไม่ขัดต่อกฎหมายและมีเหตุอันสมควร เพราะระหว่างที่ยังสอบสวนไม่เสร็จหากเลื่อนขั้นเงินเดือนให้โจทก์แล้วต่อมาปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำความผิดจริง จะทำให้จำเลยทั้งสองเสียหายยากที่จะเรียกร้องเงินคืนจากโจทก์ หากผลการสอบสวนปรากฏว่าโจทก์ไม่มีความผิดวินัย โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับเงินเดือนย้อนหลัง ได้รับบำเหน็จความชอบตามสมควรแก่กรณี
ในระหว่างที่โจทก์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและจำเลยทั้งสองชะลอการเลื่อนขั้นเงินเดือนได้แก่โจทก์ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าโจทก์กระทำความผิดระเบียบหรือไม่ ไม่มีผลทำให้สภาพการจ้างของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป เพราะโจทก์ยังคงเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่ ได้รับค่าจ้างตามปกติ คำสั่งชะลอการเลื่อนขึ้นเงินเดือนดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเพิกถอนคำสั่งไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่โจทก์ จากอัตรา 46,950 บาท เป็นอัตรา 49,910 บาท และให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินเดือนในขั้นที่เพิ่มขึ้น จำนวน 2,960 บาท ในแต่ละเดือนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไปจนกว่าศาลมีคำพิพากษา และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 1,000,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า การชะลอการเลื่อนขั้นเงินเดือนของโจทก์ไว้ก่อนในระหว่างที่โจทก์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยเป็นระเบียบปฏิบัติที่จำเลยทั้งสองได้ถือปฏิบัติตลอดมา เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การว่า การชะลอการขึ้นเงินเดือนเป็นคำสั่งทั่วไปที่จำเลยสามารถกระทำได้ไม่ขัดต่อกฎหมายและมีเหตุอันสมควรเพราะระหว่างที่ยังสอบสวนไม่เสร็จหากเลื่อนขั้นเงินเดือนให้โจทก์แล้วต่อมาปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำความผิดจริงจะทำให้จำเลยเสียหายยากที่จะเรียกร้องเงินคืนจากโจทก์ หากผลการสอบสวนปรากฏว่าโจทก์ไม่มีความผิดวินัย โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับเงินเดือนย้อนหลัง ได้รับบำเหน็จความชอบตามควรแก่กรณี ดังนี้คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางจึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำให้การในประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการที่สองว่า คำสั่งของจำเลยทั้งสองให้ชะลอการขึ้นเงินเดือนแก่โจทก์ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างหรือไม่ เห็นว่า ในระหว่างที่โจทก์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและจำเลยทั้งสองชะลอการเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่โจทก์นั้นอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าโจทก์กระทำผิดระเบียบหรือไม่ ไม่มีผลทำให้สภาพการจ้างของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป เพราะโจทก์ยังเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่ ได้รับค่าจ้างตามปกติ หากผลการสอบสวนปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนย้อนหลังและยังอาจได้รับบำเหน็จความชอบตามควรแก่กรณีอีก จึงไม่ทำให้สิทธิอันควรได้ของโจทก์เสียไปหรือได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ 3 ก็ยังคงใช้บังคับแก่โจทก์เหมือนเดิม จึงไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแต่ประการใด ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน.

Share