คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 มีเจตนาร่วมวิวาททำร้ายผู้ตาย กับพวกมาแต่แรกอีกทั้งได้ลงมือทำร้ายผู้ตายกับพวกโดยร่วมกัน ชกต่อยและใช้ไม้ตี ถึงแม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายเพราะถูกแทง โดยไม่รู้ว่าจำเลยคนไหนเป็นคนแทง จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 ก็มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทำร้ายจนเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การที่จำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่งและผู้ตาย กับพวกอีกฝ่ายหนึ่งสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน แม้แต่ละฝ่ายมีหลายคนแต่เมื่อสามารถรู้และแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้ หาใช่เป็นความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กัน เป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งแปดร่วมกันใช้ก้อนหินไม่ทราบจำนวนไม้ไผ่ 1 ท่อน ไม้เนื้อแข็ง 1 ท่อน และมีดไม่ทราบจำนวนเป็นอาวุธโดยใช้ก้อนหินขว้าง ใช้ไม้ตีและใช้มีดแทง นายจำนงค์ ปัญญา กับพวกโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายจำนงค์ถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานยึดไม้ไผ่ 1 ท่อน และไม้เนื้อแข็ง 1 ท่อน ที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันใช้เป็นอาวุธ และยึดเสื้อผู้ตาย 1 ตัว ในที่เกิดเหตุเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288 ริบไม้ไผ่และไม้เนื้อแข็งของกลาง
จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5และที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคหนึ่ง,83 ขณะกระทำผิดจำเลยที่ 5 อายุไม่เกิน 14 ปี ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ศาลได้ว่ากล่าวตักเตือนแล้วมอบให้บิดามารดารับตัวไป โดยวางข้อกำหนดให้บิดามารดาระวังมิให้จำเลยที่ 5 ก่อเหตุร้ายภายใน 2 ปี มิฉะนั้นจะต้องชำระเงินต่อศาลครั้งละ 1,000 บาท เมื่อจำเลยที่ 5 ก่อเหตุร้ายขึ้นให้จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 8 คนละ 9 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 8 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 ปีให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 6 และที่ 7 ริบของกลาง
โจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 8 อุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยที่ 4ถึงแก่ความตายศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 4เสียจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 2
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายกับพวกฝ่ายหนึ่งและจำเลยทั้งแปดอีกฝ่ายหนึ่งวิวาททำร้ายกัน โดยต่างมีท่อนไม้และก้อนหินเป็นอาวุธผู้ตายกับพวกสู้ไม่ได้จึงพากันหนีจำเลยทั้งแปดไล่ตามและรุมทำร้ายผู้ตายอีก ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายมีบาดแผลถูกตีที่ศีรษะและแผลถูกแทงที่อก ผู้ตายตายเพราะแผลที่ถูกแทงโดยไม่รู้ว่าถูกแทงด้วยอาวุธอะไรและจำเลยคนไหนเป็นคนแทงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8มีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่เห็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8 มีเจตนาร่วมวิวาททำร้ายผู้ตายกับพวกมาแต่แรก อีกทั้งได้ลงมือทำร้ายผู้ตายกับพวกแล้วโดยร่วมกันชกต่อยและใช้ไม้ตี ถึงแม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายเพราะถูกแทงโดยไม่รู้ว่าจำเลยคนไหนเป็นคนแทง จำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8ก็มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การที่จำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่งและผู้ตายกับพวกอีกฝ่ายหนึ่งสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน แม้แต่ละฝ่ายมีหลายคนแต่เมื่อสามารถรู้และแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้เช่นคดีนี้หาใช่เป็นความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กันเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตายดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไม่ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 5 และที่ 8ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share