แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่จำเลยหลายคนสมคบกันทำร้ายผู้เสียหายหลายคนโจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยต่างมีมีดเป็นอาวุธสมคบกันฟันและแทงทำร้ายร่างกายนายสอาดกับนายใจถึงบาดเจ็บสาหัสทุพลภาพฯ” ในฟ้องมิได้กล่าวว่าการกระทำของจำเลยเป็นกิจลักษณะต่างกรรมต่างวาระและโจทก์ก็มิได้นำสืบว่าการกระทำร้ายได้เกิดขึ้นในลักษณะอย่างไร ทั้งคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้อ้าง ม.71 ให้เรียงกะทงลงโทษ เพียงเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกะทง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยต่างมีมีดเป็นอาวุธสมคบกันฟันและแทงร่างกายนายสอาดบาดเจ็บสาหัสและทำร้ายนายใจทุพลภาพ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๔,๒๕๖ และริบของกลาง
ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยทั้งสามรับสารภาพและจำเลยได้ใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบ้างแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา ม.๒๕๔,๒๕๖ แต่ให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๖ ซึ่งเป็นบทหนักมีกำหนดคนละ ๒ ปี ลดกึ่งตาม ม.๕๙ เพราะจำเลยรับสารภาพคงให้จำคุกจำเลยไว้คนละ ๑ ปี แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับชดใช้ค่าเสียหายแล้ว จึงรอการลงโทษแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายผู้เสียหายสองคนจึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันของแต่ละคนจึงมีความผิดคนละ ๒ กะทงตามมาตรา ๒๕๔,๒๕๖ จึงแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้รวมกะทงลงโทษจำเลยมีกำหนดคนละ ๒ ปี ๖ เดือน ลดตาม ม.๕๙ กึ่งคงจำไว้คนละ ๑ ปี ๓ เดือน โดยไม่รอการลงโทษให้จำเลย ฯลฯ
นายหล่อจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษา
นายปลดจำเลยที่ ๒ นายเล็กจำเลยที่ ๓ ฎีกาว่าควรลงโทษจำเลยแต่กะทงเดียว และขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยต่างมีมีดเป็นอาวุธสมคบกันฟันและแทงทำร้ายร่างกายนายสอาดกับนายใจถึงบาดเจ็บสาหัสทุพลภาพ ฯลฯ” ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวว่าการกระทำของจำเลยเป็นกิจลักษณะต่างกรรมต่างวาระและโจทก์ก็มิได้นำสืบว่าการกระทำร้ายได้เกิดขึ้นในลักษณะอย่างไรทั้งคำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็มิได้อ้าง ม.๗๑ ให้เรียงกะทงลงโทษ จึงยังไม่ควรบังคับให้นอกไปจากฟ้อง ฎีกาจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนข้อควรรอการลงโทษหรือไม่นั้นเห็นว่าศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจเหมาะสมดีแล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยบังคับคดีลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ.