คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป้ากับหลานเป็นทายาทของบิดามารดาของป้า และปู่ย่าของหลานด้วยกัน หลานอายุ 9 ขวบอยู่กับป้าตลอดมาแม้มารดาหลานจะไปอยู่ที่อื่นก็ถือว่าป้าได้ครอบครองมรดกแทนหลานด้วยจะยกอายุความ 1 ปีมาตัดสิทธิหลานมิให้รับมรดกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 25 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2495

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้ง 5 คนกับนายปุ่น ทุสาวุธ บิดาจำเลยเป็นบุตรนายหลาน นางปั๋น นายหลานตายเดือน 11 พ.ศ. 2490 ต่อมาเดือน6 พ.ศ. 2491 นางปั๋นตาย นายหลาน นางปั๋นมีนา 2 แปลงราคา 10,000 บาทเป็นมรดก โจทก์ทั้ง 5 คนได้ครอบครองทรัพย์มรดกของนายหลานนางปั๋นตั้งแต่นางปั๋นตายตลอดมาจนบัดนี้ 2 ปีเศษแล้ว ส่วนนายปุ่นบิดาจำเลยตายก่อนนายหลาน นางปั๋นและตั้งแต่นายหลาน นางปั๋นตายจนบัดนี้ จำเลยมิได้มาเกี่ยวข้องครอบครองทรัพย์มรดกร่วมด้วยเลยหมดสิทธิจะเรียกร้องเอามรดกเพราะมิได้ใช้สิทธิเรียกร้องภายในกำหนดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ครั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2493 จำเลยทั้ง 2 คนไปขอประกาศรับมรดกที่ดิน 2 แปลงของนายหลาน นางปั๋นนั้นเป็นของตน จึงขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยทั้งสองคนขาดสิทธิที่จะเรียกร้องที่ดินพิพาทอันเป็นมรดกของนายหลาน นางปั๋นและห้ามจำเลยอย่าให้เกี่ยวข้องกับที่ดินโฉนดเลขที่ 1034-1031 รายพิพาท

จำเลยให้การรวมใจความว่า จำเลยทั้งสองได้ครอบครองทรัพย์มรดกของนายหลาน นางปั๋น ปู่ย่าร่วมมากับโจทก์ หาได้ขาดอายุความตามฟ้องโจทก์ไม่ และจำเลยยังเป็นผู้เยาว์ ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 184 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลจังหวัดสระบุรีพิจารณาแล้ว พิพากษาห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินโฉนดที่ 1034 และ 1031 รายพิพาทต่อไป ค่าธรรมเนียมค่าทนายเป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมและค่าทนาย 2 ศาล 150 บาทแทนจำเลย ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิที่จะว่ากล่าวกันในทางมรดกต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ทางพิจารณาได้ความว่านาพิพาท 2 แปลงนี้เป็นของนายหลาน นางปั๋น โจทก์ทั้ง 5 คนกับนายปุ่นเป็นบุตรนายหลาน นางปั๋น นายปุ่นตายก่อนนายหลาน นางปั๋น นายปุ่นมีบุตรกับนางทองคำ คือ จำเลยทั้ง 2 คนนี้ นายปุ่นตายแล้ว นายหลาน นางปั๋นปู่ย่าจำเลยรับเอาเด็กชายสงัดจำเลยมาเลี้ยงไว้ ส่วนนางทองคำมารดาไปอยู่ที่อื่น ต่อมาพ.ศ. 2490 นายหลานปู่จำเลยตาย และ พ.ศ. 2491 นางปั๋นตายเมื่อนางปั๋นย่าจำเลยตายแล้ว นางจำเริญโจทก์ซึ่งเป็นป้าจำเลยได้เอาเด็กชายสงัดจำเลยซึ่งขณะนั้นมีอายุประมาณ 9-10 ขวบเลี้ยงไว้และนางจำเริญกับพวกได้ครอบครองนาพิพาทร่วมกันตลอดมา ระหว่างเด็กชายสงัดจำเลยอยู่กับนางจำเริญโจทก์ได้ช่วยเลี้ยงวัวหุงข้าวและตักน้ำใช้ จนเมื่อก่อนโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ จำเลยไปขอประกาศรับมรดกที่ดินรายพิพาท เด็กชายสงัดจึงต้องจากนางจำเริญโจทก์มาอยู่กับนางทองคำมารดา

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า เด็กชายสงัดจำเลยคดีนี้ เมื่อนายปุ่นบิดาตายแล้ว นางทองคำมารดายังมีชีวิตอยู่ อำนาจปกครองเด็กชายสงัดจึงตกอยู่แก่นางทองคำมารดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538 หาใช่นางจำเริญโจทก์ที่ 5 เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายสงัดไม่นั้น คดีนี้ได้ความว่า เมื่อนายปุ่นตายแล้ว นายหลานและนางปั๋น ปู่ย่าจำเลยก็รับเอาเด็กชายสงัดจำเลยมาเลี้ยงไว้ครั้นนายหลานและนางปั๋นเจ้ามรดกตาย เด็กชายสงัดจำเลยก็ยังคงอยู่กับนางจำเริญโจทก์ซึ่งเป็นป้าตลอดมา แม้จำเลยจะไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนราษฎร์ศึกษา จำเลยก็คงพักอยู่ที่บ้านนางจำเริญ โดยเช้าไปโรงเรียนเย็นกลับบ้าน จำเลยมีพยานหลายปากรวมทั้งนายเปิ้นผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบ้านอยู่ติดนารายพิพาทเบิกความรับรองในเรื่องนี้ และจำเลยเพิ่งจะมาอยู่กับนางทองคำมารดาเมื่อก่อนฟ้องคดีนี้ ในระหว่างที่เด็กชายสงัดจำเลยอยู่กับนางจำเริญก็ได้ช่วยเหลือการงานเช่นเลี้ยงวัว หุงข้าวและตักน้ำใช้ศาลฎีกาเห็นว่านางจำเริญโจทก์ ซึ่งเป็นทายาทของนายหลานนางปั๋น ได้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้ไว้แทนเด็กชายสงัดผู้เยาว์ด้วยไม่ใช่เรื่องอำนาจปกครองเด็กชายสงัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538 ดังข้อค้านของโจทก์ แม้นางทองคำผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายสงัดจำเลยมิได้ฟ้องเรียกมรดกแทนจำเลยภายในกำหนด 1 ปี จำเลยก็ยังหาขาดสิทธิรับมรดกของนางปั๋นเจ้ามรดกผู้ตายไม่เพราะในระหว่างนางปั๋นเจ้ามรดกตายตลอดมาจนก่อนฟ้องคดีนี้เด็กชายสงัดจำเลยยังคงอยู่กับนางจำเริญโจทก์ ผู้เป็นป้า ซึ่งได้ครอบครองมรดกรายนี้แทนจำเลยด้วย ฉะนั้น จะยกอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นตัดสิทธิในการรับมรดกของเด็กชายสงัดจำเลยหาได้ไม่ เด็กชายสงัดจำเลยมีสิทธิได้รับมรดกที่พิพาทรายนี้ตามส่วนในฐานะรับมรดกนายปุ่นบิดาจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน ให้โจทก์เสียค่าทนายชั้นนี้ 100 บาทแทนจำเลย

Share