คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “SIBELIUM””ไซบีเลี่ยม””สตูเจอร่อน””SIBELIUM” กับรูปม้าบนอักษร”J” และ “STUGERON” กับรูปม้าบนอักษร “J” โดยโจทก์ใช้กับสินค้ายารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดมาก่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศจนเป็นที่แพร่หลาย จำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM” หลังโจทก์หลายปีโดยใช้กับสินค้ายาขยายหลอดเลือด และใช้ตัวยา “FLUNARIZINE”ตัวเดียวกับยาของโจทก์ เครื่องหมายการค้า “STUBELIUM”ของจำเลยเป็นการผสมของพยางค์””STU+BELIUM” คำดังกล่าวเป็นอักษรโรมัน 9 ตัว อักษร 3 ตัวแรก ตรงกับอักษร 3 ตัวแรกของคำว่า “STUGERON” และอักษร 6 ตัวหลังตรงกับอักษร 6 ตัวหลังของคำว่า “SIBELIUM” ซึ่งล้วนเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์คำดังกล่าวเป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นเฉพาะ ไม่ใช่คำที่ใช้สามัญอักษรโรมันมี 26 ตัว หากจำเลยคิดประดิษฐ์เองโดยไม่ได้เห็นคำทั้งสองที่โจทก์ประดิษฐ์ใช้มาก่อน โอกาสที่จะตรงกันถึง 9 ตัวเรียงกันเช่นนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก การที่โจทก์นำสืบถึงเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUGERON” เพื่อให้เห็นถึงพฤติกรรมของจำเลยในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่จะให้เหมือนหรือคล้ายกันเครื่องหมายการค้าคำว่า”SIBELIUM” แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวถึงเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUGERON” มาในฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธินำสืบและเป็นการนำสืบในประเด็น หาใช่นอกประเด็นไม่ กรณีพิพาทเรื่องเครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียนไม่ใช่วินิจฉัยแต่เพียงว่าเครื่องหมายการค้าทั้งสองจะต้องเหมือนกันทุกสิ่งทุกอย่างแต่ต้องวินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้านั้นชวนให้เห็นว่าเป็นลักษณะทำนองเดียวกันและเมื่อเทียบเคียงแล้วมีลักษณะแตกต่างกันบ้าง จะชี้ขาดว่าไม่เหมือนกันไม่ได้ต้องเอามาเปรียบเทียบให้เห็นลักษณะในเวลาใช้อยู่ตามปกติและความสุจริตประกอบกับประเภทสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้ากับสภาพแห่งท้องตลาด การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าที่แพร่หลายของโจทก์ 2 เครื่องหมาย มาตัดตอนหัวท้ายนำมาเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลย และใช้กับสินค้ายารักษาโรคชนิดเดียวกัน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ลงทุนโฆษณาตามวิสัยทางการค้าเลย จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตการที่จำเลยลอกเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาตัดต่อเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยย่อมทำให้สาธารณชนสับสนอาจเข้าใจได้ว่าเป็นของโจทก์ได้ ถือได้ว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM” ของจำเลยเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า “SIBELIUM” ของโจทก์ถึงขนาดเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 203964 และห้ามจำเลยใช้หรือเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใดกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ หรือเครื่องหมายการค้าอื่นใดที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์
จำเลยให้การว่า เครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM”อ่านว่า “สตูบิเลี่ยม” ที่จำเลยขอจดทะเบียนนั้น จำเลยประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งในลักษณะรูปคำและการเรียกขานไม่ทำให้สาธารณชนสับสนจำเลยไม่เคยพบเห็นสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “SIBELIUM” “ไซบีเลี่ยม” “สตูเจอร่อน” “SIBELIUM”กับรูปม้าบนอักษร “J” และ “STUGERON” กับรูปม้าบนอักษร “J”โดยโจทก์ใช้กับสินค้ายารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดมาก่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศจนเป็นที่แพร่หลาย จำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM” หลังโจทก์หลายปีโดยใช้กับสินค้ายาขยายหลอดเลือด และใช้ตัวยา “FLUNARIZINE”ตัวเดียวกับยาของโจทก์ เครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM”ของจำเลยเป็นการผสมของพยางค์” “STU+BELIUM” คำดังกล่าวเป็นอักษรโรมัน 9 ตัว อักษร 3 ตัวแรกตรงกับอักษร 3 ตัวแรกของคำว่า “STUGERON” และอักษร 6 ตัวหลังตรงกับอักษร 6 ตัวหลังของคำว่า “SIBELIUM” ซึ่งล้วนเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์คำดังกล่าวเป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นเฉพาะ ไม่ใช่คำที่ใช้สามัญอักษรโรมันมี 26 ตัว หากจำเลยคิดประดิษฐ์เองโดยไม่ได้เห็นคำทั้งสองที่โจทก์ประดิษฐ์ใช้มาก่อนโอกาสที่จะตรงกันถึง 9 ตัวเรียงกันเช่นนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก จำเลยกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่าประดิษฐ์ขึ้นเอง เมื่อเครื่องหมายการค้าในยาของโจทก์แพร่หลายมาก่อน จำเลยก็ใช้เครื่องหมายการค้ากับยาชนิดเดียวกับของโจทก์ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยตัดตอนเครื่องหมายการค้าทั้งสองของโจทก์มาติดต่อเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลย การที่โจทก์นำสืบถึงเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUGERON” มาเพื่อให้เห็นถึงพฤติกรรมของจำเลยในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของเครื่องหมายการค้าของจำเลย ที่จะให้เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า”SIBELIUM” แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวถึงเครื่องหมายการค้าคำว่า”STUGERON” มาในฟ้อง โจทก์ก็มีสิทธินำสืบและเป็นการนำสืบในประเด็น หาใช่นอกประเด็น
คดีพิพาทเรื่องเครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียนไม่ใช่วินิจฉัยแต่เพียงว่าเครื่องหมายการค้าทั้งสองจะต้องเหมือนกันทุกสิ่งทุกอย่างแต่ต้องวินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้านั้นชวนให้เห็นว่าเป็นลักษณะทำนองเดียวกัน และเมื่อเทียบเคียงแล้วมีลักษณะแตกต่างกันบ้าง จะชี้ขาดว่าไม่เหมือนกันไม่ได้ ต้องเอามาเปรียบเทียบให้เห็นถึงลักษณะในเวลาใช้อยู่ตามปกติและความสุจริตประกอบกับประเภทสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้ากับสภาพแห่งท้องตลาดฉะนั้น การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าที่แพร่หลายของโจทก์2 เครื่องหมายมาตัดตอนหัวท้ายนำมาเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยและใช้กับสินค้ายารักษาโรคชนิดเดียวกัน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ลงทุนโฆษณาตามวิสัยทางการค้าเลย เป็นการแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต แม้ยาของโจทก์จำเลยเป็นยาอันตราย การซื้อยาอันตรายต้องผ่านเภสัชกรก็ตาม ปกติผู้ขายย่อมต้องขายตามที่ยาที่ผู้ซื้อต้องการซื้อ การที่จำเลยลอกเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาตัดต่อเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยเช่นนี้ ย่อมทำให้สาธารณชนสับสนอาจเข้าใจได้ว่าเป็นของโจทก์ได้ ถือได้ว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า “STUBELIUM” ของจำเลยเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า “SIBELIUM” ของโจทก์ถึงขนาดเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดได้
พิพากษากลับให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 203964 คำว่า “STUBELIUM” และห้ามจำเลยใช้หรือเกี่ยวข้องกับเครื่องหมายการค้าคำว่า “SIBELIUM” ของโจทก์ หรือเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าดังกล่าว

Share