แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป. กับผู้ตายอยู่กันด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมาย ได้จดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม โดยป. จดทะเบียนก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านย่อมเป็นบุตรบุญธรรมของ ป. ก่อนแล้ว จะเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอีกในขณะเดียวกันไม่ได้เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/26 การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของผู้ตายจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลตามกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาท ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกหรือถอนผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ย่อยาว
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกของนางสำรวย วงษ์รักษา ผู้ตาย โดยคดีแรกผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นมารดาของผู้ตาย ก่อนตายผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน ๑ แปลวให้ผู้ร้อง และมีที่ดินมรดกอีก ๑ แปลง มิได้ทำพินัยกรรมให้แก่ผู้ใดขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนคดีหลังผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของนายปลีและผู้ตาย ขอให้ศาลตั้งนายปลีเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในคดีแรก และตั้งนายปลีเป็นผู้จัดการมรดกในคดีหลัง
ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดกแต่ละสำนวน โดยผู้ร้องยื่นคำร้องคดีหลังว่า นายปลีไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย นายปลีกับผู้ตายมิได้จดทะเบียนสมรสกัน และต่างแยกกันจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม ขอให้ถอนนายปลีจากผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องในคดีแรกว่า ผู้ร้องปิดบังทรัพย์มรดกและไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และยื่นคำคัดค้านในคดีหลังว่าผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยชอบธรรมของผู้ตาย จึงมีสิทธิร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ขอให้ถอนผู้ร้องจากผู้จัดการมรดกในคดีแรกและยกคำร้องของผู้ร้องในคดีหลัง
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านในคดีแรก ผู้คัดค้านขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยไม่สุจริต การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นโมฆะ ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาทตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งตั้งนางสำลี วงษ์รักษาผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นมารดาของนางสำรวย วงษ์รักษา ผู้ตาย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ผู้ตายได้อยู่กินฉันสามีภริยากับนายปลี กวยรักษา โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสไม่มีบุตรด้วยกัน เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๕ นายปลีและผู้ตายได้จดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ผู้ตายถึงแก่ความตาย ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ๒๘/๒๕๒๖ และตั้งนายปลีเป็นผู้จัดการมรดกตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่๔๖/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น ที่ผู้ร้องฎีกาว่า นายปลีกับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ไปจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมในขณะเดียวกัน เป็นการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมซ้ำซ้อนกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ ปัญหาวินิจฉัยมีว่า การจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของนายปลีและผู้ตายมีผลตามกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายปลีกับผู้ตายได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาในปี พ.ศ. ๒๕๐๒โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมายและเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๕ นายปลีกับผู้ตายได้ไปขอจดทะเบียนรับผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรม นายปลีได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเลขที่ ๓/๔๔๖ และผู้ตายได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเลขที่ ๔/๔๔๗ ในวันเดียวกันตามเอกสารหมาย รค.๑๕และ รค.๑๖ จึงฟังได้ว่านายปลีได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมก่อนผู้ตาย ผู้คัดค้านจึงเป็นบุตรบุญธรรมของนายปลีก่อนแล้วจะเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอีกในขณะเดียวกันไม่ได้ เมื่อนายปลีกับผู้ตายมิได้เป็นคู่สมรสกันตามกฎหมาย เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของผู้ตายจึงไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมายผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาทไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก หรือถอนผู้จัดการมรดกของผู้ตายศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้าน ให้เพิกถอนคำสั่งตั้งนายปลี กวยรักษา เป็นผู้จัดการมรดกของนางสำรวย วงษ์รักษา ผู้ตาย