คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยได้ร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์แล้วนำไปซื้อที่ดิน (พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) และเครื่องอิเล็กโทนที่โจทก์นำยึดไว้มาโดยตลอด จึงไม่อาจอ้างได้ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามส่วนที่พึงได้รับตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าว แล้วผู้ร้องมาขอกันส่วนเงินอันได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้น จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้เงิน ๓,๕๑๗,๔๕๑.๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยฐานกระทำละเมิดเกี่ยวกับการทำงานต่อโจทก์ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน ๓,๔๗๑,๗๙๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลแรงงานกลางจึงออกหมายบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๓๓๐๕ ตำบลบางโคล่ อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถว ๔ ชั้น ๑ คูหาเครื่องเล่นดนตรีอิเล็กโทน ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น FC-๒๐ พร้อมเก้าอี้นั่ง ๑ ชุด ในระหว่างประกาศขายทอดตลาด นายสมาน จิตมานะได้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาจากการซื้อขายในระหว่างเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องผู้ร้องจึงมีส่วนเป็นเจ้าของด้วย ขอให้ศาลกันส่วนเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดให้แก่ผู้ร้อง โจทก์คัดค้านและขอให้ยกฟ้องศาลแรงงานกลางให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ผู้ร้องได้ร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยยักยอกเงินของโจทก์ แล้วนำไปซื้อที่ดิน(พร้อมสิ่งปลูกสร้าง) และเครื่องอิเล็กโทนที่โจทก์นำยึดไว้มาโดยตลอด ผู้ร้องจึงไม่อาจอ้างได้ว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดมาดังกล่าวเป็นทรัพย์สินอันชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามส่วนที่ผู้ร้องอันพึงได้รับตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม ข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ร้องมาขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดไว้ดังกล่าว จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้วอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share