แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายซึ่งเป็นป้ายเดียวกันและปีภาษีเดียวกัน โดยยังไม่มีการยกเลิกการประเมินครั้งแรก ดังนั้น การประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในครั้งหลังจึงเป็นการประเมินซ้ำซ้อนให้โจทก์ต้องเสียภาษีสองครั้งในป้ายรายการเดียวกัน จึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบและเป็นเหตุให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งที่สองที่ให้ยืนตามการประเมินให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมไม่ชอบไปด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแจ้งการประเมินเลขที่ 59/49 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2549 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2549 ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษี 35,016 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามแบบแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ต.ป. 5 ฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2549 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์หรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมโจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์การประเมินดังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 2 ได้แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งที่สองแล้ว โจทก์ไม่พอใจย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์และขอให้จำเลยที่ 1 คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นว่า เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินเลขที่ 59/49 ให้เรียกเก็บภาษีป้ายสำหรับรายการป้ายใหญ่ซึ่งติดตั้งด้านหน้าสถานีบริการน้ำมันเลขที่ 50/1192 เพิ่มเติมตามเอกสารหมาย จ. 1 แผ่นที่ 1 แม้การประเมินดังกล่าวจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่หนังสือดังกล่าวระบุว่าเป็นหนังสือแจ้งการประเมินและมีข้อความให้เรียกเก็บเงินค่าภาษีป้ายเพิ่มเป็นจำนวนเงิน 35,016 บาท ตามผลการอุทธรณ์ครั้งแรก และให้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มตามกฎหมายถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้แจ้งการประเมินภาษีป้ายไปยังโจทก์แล้ว เมื่อโจทก์เห็นว่า การประเมินให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมไม่ถูกต้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์การประเมินดังกล่าวต่อจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ.2510 มาตรา 30 แต่เมื่อจำเลยที่ 2 แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว โจทก์ผู้อุทธรณ์ไม่พอใจย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลได้ ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ.2510 มาตรา 33 และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายของโจทก์ในรายการป้ายใหญ่ซึ่งติดตั้งด้านหน้าสถานีบริการน้ำมันของโจทก์เลขที่ 50/1192 จำนวน 2 ป้าย (ด้านหน้าและด้านหลัง) ถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินประจำปี 2545 ถึง 2548 ฉบับลงวันที่ 30 ธันวาคม 2548 ประเมินภาษีป้ายหลายรายการรวมถึงรายการป้ายใหญ่ซึ่งติดตั้งด้านหน้าสถานีบริการน้ำมันของโจทก์เลขที่ 50/1192 จำนวน 4 ฉบับ ตามเอกสาร และต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายครั้งที่สอง ประจำปี 2545 ถึง 2548 ฉบับลงวันที่ 31 มีนาคม 2549 ในส่วนของรายการป้ายใหญ่ซึ่งติดตั้งด้านหน้าสถานีบริการน้ำมันของโจทก์เลขที่ 50/1192 ให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเป็นเงิน 35,016 บาท ตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 1 อีกโดยยังไม่มีการยกเลิกการประเมินครั้งแรก ดังนั้น การประเมินให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในครั้งหลังจึงเป็นการประเมินภาษีป้ายในป้ายซึ่งเป็นทรัพย์เดียวกันและปีภาษีเดียวกันอันเป็นการประเมินซ้ำซ้อนให้โจทก์ต้องเสียภาษีตามการประเมินสองครั้งในป้ายรายการเดียวกันจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ และเป็นเหตุให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งที่สองที่ให้ยืนตามการประเมินให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวย่อมไม่ชอบตามไปด้วย นอกจากนี้ตราบใดที่ยังไม่ได้ยกเลิกการประเมินครั้งแรกในรายการป้ายส่วนนี้และยังไม่มีการประเมินใหม่ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งแรกที่วินิจฉัยให้โจทก์จ่ายค่าภาษีป้ายเพิ่มในรายการป้ายส่วนนี้ โจทก์จึงยังไม่มีความรับผิดในหนี้ค่าภาษีเพิ่มเติมตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งแรกจำนวน 40,776 บาท จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินจำนวน 35,016 บาท ที่โจทก์ได้ชำระไว้แล้วพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนเฉพาะคำวินิจฉัยอุทธรณ์ครั้งที่สองฉบับลงวันที่ 7 มิถุนายน 2549 โดยไม่คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์นั้นศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินเลขที่ 59/49 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2549 และให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 35,016 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ