แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องกับจำเลยจดทะเบียนสมรสเมื่อ พ.ศ.2520 แต่อยู่กินกันมาประมาณ 30 ปีแล้ว จำเลยกับผู้ร้องร่วมกันสร้างบ้านพิพาทก่อนจดทะเบียนสมรส จึงมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง และถือว่าเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องครึ่งหนึ่ง หนี้ตามฟ้องจำเลยก่อให้เกิดขึ้นก่อนสมรส จึงมิใช่เป็นหนี้ร่วมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1490(4) ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด บ้านพิพาทได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้กันส่วนเงินที่ขายทอดตลาดบ้านให้แก่ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดบ้านที่โจทก์นำยึดหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องกับจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2520 แต่อยู่กินกันมาประมาณ 30 ปีแล้ว บ้านพิพาทจำเลยกับผู้ร้องร่วมกันสร้างก่อนจดทะเบียนสมรส จึงมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่งและถือได้ว่าบ้านพิพาทเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องครึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471(1) อนึ่งหนี้ตามฟ้องจำเลยก่อให้เกิดขึ้นก่อนสมรส จึงมิใช่เป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490(4) ดังนั้น ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดบ้านพิพาทได้”
พิพากษายืน