คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 กำหนดห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำเข้า หรือนำออก ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม ฯลฯเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และมาตรา 11 กำหนดให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจควบคุมและกำหนดการใช้ความถี่ คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆ ดังนั้น ประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลขโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงนามและระบุตำแหน่งไว้ท้ายประกาศด้วยว่า “อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข”กำหนดให้ผู้ยื่นขอต่อใบอนุญาตให้มี ใช้ เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ทำการแก้ไขเครื่องรับส่งวิทยุให้มีกำลังส่งไม่เกิน 10 วัตต์ หรือความถี่ไม่เกินย่าน144-146 เมกะเฮิรตซ์ จึงเป็นประกาศของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขผู้มีอำนาจและชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดกับมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตผู้มีอำนาจและหน้าที่ดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตให้มี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมประจำที่ให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ทำการแก้ไขปรับปรุงเครื่องรับ-ส่งวิทยุคมนาคมและสถานีวิทยุคมนาคมให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขจึงไม่พิจารณาอนุญาตให้โจทก์มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อปีพ.ศ. 2524 โจทก์ได้รับอนุญาตให้ “มี” “ใช้” เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมประจำที่ในกิจการวิทยุอาสาสมัครรวม 6รายการ คือ ได้รับอนุญาตให้ “มี” เครื่องวิทยุคมนาคม VHF/FMยี่ห้อ KENWOOD เครื่องวิทยุคมนาคม VHF/FM ยี่ห้อ YAESUเครื่องวิทยุคมนาคมแบบ IC – 251 A ยี่ห้อ ICOM รวม 3 รายการและได้รับอนุญาตให้ “ใช้” เครื่องวิทยุคมนาคมแบบ IC -251A ยี่ห้อICOM และเครื่องวิทยุคมนาคมยี่ห้อ YAESU แบบ FT -208R รวม 2รายการ กับได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมประจำที่กำลังส่ง10 วัตต์ ต่อมาโจทก์ได้ยื่นขอคำขอต่อใบอนุญาตให้มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมประจำที่ในกิจการวิทยุอาสาสมัครประจำปี พ.ศ. 2525, 2526 และ 2527 ซึ่งจำเลยทั้งสามได้พิจารณาและอนุมัติต่อใบอนุญาตทั้งหกรายการ ให้โจทก์เป็นประจำทุกปี เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2527 โจทก์ได้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตประจำปีพ.ศ. 2528 เพื่อให้มี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมทั้งหกรายการดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในฐานะเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตไม่ต่ออายุใบอนุญาตให้โจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามประกาศกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2527 คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่าประกาศกรมไปรษณีย์โทรเลขดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและใช้บังคับโดยชอบหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 11 ได้กำหนดให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจควบคุมและกำหนดการใช้ความถี่คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆ ซึ่งเป็นอำนาจของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ไม่ใช่เป็นอำนาจของกรมไปรษณีย์โทรเลขซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากออกไปอย่างใด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประกาศดังกล่าวเป็นประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข แม้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ลงนามก็ตาม แต่ก็เป็นการลงนามแทนกรมไปรษณีย์โทรเลขจะถือว่าเป็นการลงนามในฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 หาได้ไม่เห็นว่า ประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527 ได้ลงนามโดยจำเลยที่ 1 และได้ระบุตำแหน่งไว้ท้ายประกาศด้วยว่า “อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข” จึงถือได้ว่าประกาศฉบับดังกล่าวเป็นประกาศของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขแล้วและเป็นประกาศที่ชอบด้วยกฎหมายฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปโจทก์ฎีกาว่า ประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527 ขัดกับมาตรา 6 ของพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 เพราะประกาศดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตให้มี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมตลอดจนตั้งสถานีวิทยุคมนาคมในปี พ.ศ. 2528 ต้องทำการแก้ไขเครื่องรับ-ส่งวิทยุคมนาคมให้มีกำลังส่งไม่เกิน 10 วัตต์ และหรือมีความถี่ไม่เกินย่าน 144-146 เมกะเฮิรตซ์ เสียก่อน เห็นว่า ความหมายของมาตรา 6กับความหมายในประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลขดังกล่าวแตกต่างกันไปคนละความหมาย กล่าวคือ ความในมาตรา 6 มีเจตนามุ่งที่จะห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำเข้า หรือนำออก ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม ฯลฯเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 23 แม้คำว่า “ทำ” จะหมายความรวมตลอดถึงการประกอบขึ้น การแปรสถาพหรือกลับสร้างใหม่ก็ตาม แต่การกระทำต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเสียก่อนส่วนประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตให้ มี ใช้ เครื่องวิทยุคมนาคม ตลอดจนตั้งสถานีวิทยุคมนาคมในปี พ.ศ. 2528 ทำการแก้ไขเครื่องรับ-ส่งวิทยุคมนาคมตามที่กำหนดไว้ในประกาศ เป็นการใช้อำนาจควบคุมและกำหนดการใช้ความถี่คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคมพ.ศ. 2498 มาตรา 11 ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและส่วนรวม แต่ถ้าผู้ขอต่อใบอนุญาตให้มี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมหรือตั้งสถานีวิทยุคมนาคมได้แก้ไขเครื่องรับ-ส่งวิทยุคมนาคมให้เป็นไปตามข้อกำหนดของประกาศดังกล่าว จำเลยทั้งสามก็พร้อมที่จะต่อใบอนุญาตประจำปี พ.ศ. 2528 ให้ การที่โจทก์ไม่ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527 จำเลยทั้งสามจึงไม่ต่อใบอนุญาตให้นั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนจำเลยทั้งสาม500 บาท

Share