คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำบอกเล่าของผู้ตายที่ผู้ตายพูดโดยรู้สึกตัวว่าตนเองจะถึงแก่ความตายในระยะใกล้กันนั้น สามารถรับฟังได้ แต่คำพูดของผู้ตายที่บอกกับ ล. ขณะที่ผู้ตายกำลังถูกนำเข้าห้องผ่าตัดว่า พ.และจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายและสงสัยว่าตนเองจะถึงแก่ความตายแน่ ๆแต่ผู้ตายพูดด้วยน้ำเสียง ปกติแสดงว่ายังมีกำลังใจดีอยู่ และเชื่อว่าตนเองจะไม่ถึงแก่ความตาย จึงเป็นคำบอกเล่าที่ผู้ตายพูดโดยผู้ตายเพียงสงสัยว่าตนเองจะตาย ไม่ใช่คำพูดที่ผู้ตายพูดโดยรู้สึกว่าตนเองจะถึงแก่ความตายในระยะเวลาใกล้กันนั้นจึงรับฟังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2535 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกอีกสองคนได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายสมบูรณ์ ห่อวรรณ 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายสมบูรณ์ที่บริเวณหลัง ทำให้นายสมบูรณ์ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288 จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288จำคุก 20 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ได้ความว่าคืนเกิดเหตุที่ผู้ตายถูกยิงตายนั้นไม่มีพยานโจทก์คนใดรู้เห็น โจทก์คงมีแต่นางลูกกลีบ ห่อวรรณ อาผู้ตาย มาเบิกความเป็นพยานว่า ขณะอยู่เฝ้าบุตรชายซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชได้มีชายคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่าเด็กจากหนองบัวถูกยิงมา 1 คน เมื่อไปดูก็พบว่าเป็นหลานชายตนเอง ผู้ตายขณะนั้นนอนอยู่บนเปลก่อนเข้าห้องผ่าตัด นางลูกกลีบเบิกความต่อไปว่า ผู้ตายถูกยิงที่บริเวณด้านหลังแต่ยังสามารถพูดได้ ผู้ตายบอกแก่นางลูกกลีบว่านายไพและนายติ้มเป็นผู้ยิงผู้ตาย ขณะนั้นผู้ตายแจ้งด้วยว่า สงสัยว่าตนเองจะถึงแก่ความตายแน่ ๆ แต่พูดด้วยเสียงปกติ แสดงว่ายังมีกำลังใจดีอยู่ และเชื่อว่าตนเองจะไม่ถึงแก่ความตาย แสดงว่าคำนางลูกกลีบซึ่งเป็นพยานบอกเล่า ซึ่งรับฟังจากผู้ตายนั้นเป็นคำบอกเล่าที่ผู้ตายพูดโดยผู้ตายเพียงสงสัยว่าตนเองจะตาย ไม่ใช่คำพูดที่ผู้ตายพูดโดยรู้สึกตัวว่าตนเองจะถึงแก่ความตายในระยะเวลาใกล้กันนั้น นอกจากนี้คำพูดของผู้ตายที่พูดถึงคนร้ายที่ยิงผู้ตาย ก็ขัดเหตุผลที่จะรับฟัง เพราะได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของนายสมวงศ์ เลิศบุรุษ ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมายปจ.3 ว่า ผู้ตายถูกนายติ้ม ใช้ปืนลูกซองยิงทางด้านหลัง 1 นัดไม่ปรากฏว่า มีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ข้อความที่ว่าผู้ตายบอกว่านายไพ และนายติ้ม รวม 2 คนเป็นคนยิงผู้ตายจึงขัดกับคำให้การขั้นสอบสวนของนายสมวงศ์ คำเบิกความของนางลูกกลีบจึงไม่อาจฟังได้ นอกจากนี้นายสมวงศ์ยังให้การต่อไปอีกว่าระหว่างทางที่นำผู้ตายมาส่งโรงพยาบาลนั้นผู้ตายได้บอกว่า ผู้ตายเคยมีเรื่องอยู่กับนายไพ นายติ้ม และนายเล็ก แสดงว่า เหตุที่จำเลยถูกดำเนินคดีก็เพราะเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน หาใช่เพราะมีพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตายไม่ ดังนั้นลำพังแต่คำให้การชั้นสอบสวนของนายสมวงศ์ ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าจึงหาเพียงพอที่จะรับฟังมาลงโทษจำเลยได้ไม่”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share