คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4197/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตาม ป.อ. มาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลยอันเป็นกรณีตาม ป.อ. 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลฎีกาย่อมลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 319 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276, 318 นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีหมายเลขดำที่ 762/2542 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ต่อมาก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยทั้งสี่ขอถอนคำให้การเดิมแล้วให้การใหม่เป็นปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดข้อหา แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยที่ 2 คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276 วรรคสอง, 318 วรรคสาม การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำหรับจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง จำคุก 15 ปี รวมจำคุก 18 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ขณะกระทำความผิดอายุกว่าสิบสี่ปีแต่ไม่เกินสิบเจ็บปี ลดมาตราส่วนโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ลงโทษฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาตน โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 9 ปี คำให้การของจำเลยทั้งสี่ในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน ตลอดจนคำเบิกความในชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีกำหนดคนละ 6 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายไปที่เกิดเหตุ พบจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำเลยทั้งสี่ผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสี่กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทกก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวคือผู้เสียหาย และจากคำเบิกความดังกล่าวข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้เสียหายเป็นฝ่ายให้จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายซ้อนท้ายติดตามคนรักของผู้เสียหายไปเอง ต่อมาจำเลยทั้งสี่กระทำชำเราผู้เสียหายทีละคนภายในห้องโดยลำพัง ไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือใช้อาวุธ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายพบกับจำเลยทั้งสี่ก็ยังทักทายกัน หลังเกิดเหตุถึง 8 เดือน ผู้เสียหายจึงเล่าให้บิดาฟังว่าถูกจำเลยทั้งสี่ข่มขืน เพราะนายธีรพงษ์ไม่ยอมรับบุตรในครรภ์ของผู้เสียหายว่าเป็นของตน เนื่องจากมีคนบอกว่าผู้เสียหายถูกจำเลยทั้งสี่ข่มขืน ข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่า จำเลยทั้งสี่พรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดามารดา โดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วยหรือไม่ และจำเลยทั้งสี่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง อย่างไรก็ตามแม้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายให้จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายซ้อนท้ายติดตามคนรักของผู้เสียหาย แต่เมื่อตามคนรักไม่พบ จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายไปที่เกิดเหตุ พบจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำเลยทั้งสี่ผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยทั้งสี่ก็นำสืบรับว่าได้พาผู้เสียหายไปกระทำชำเราแม้ผู้เสียหายจะเต็มใจไปกับจำเลย เมื่อผู้เสียหายอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ซึ่งถ้าบิดามารดาของผู้เสียหายทราบก็คงไม่ยินยอมให้ไป จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดฐานพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก แม้โจทก์จะฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลยอันเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลฎีกาย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องมาทั้งหมดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก สำหรับจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ขณะกระทำความผิดอายุกว่าสิบสี่ปีแต่ไม่เกินสิบเจ็ดปี ลดมาตราส่วนโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้วจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน คำให้การของจำเลยทั้งสี่ในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน ตลอดจนคำเบิกความในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีกำหนดคนละ 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share