คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2608/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องจำเป็นต้องนำยึดทรัพย์ที่ดินพิพาทเนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหมายแจ้งไปให้ผู้ร้องดำเนินการ การที่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับเป็นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่เป็นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องไม่สุจริตในการดำเนินการบังคับคดีอย่างไร อาศัยอำนาจตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ที่กำหนดให้ความรับผิดชั้นที่สุดในค่าฤชาธรรมเนียมอยู่ในดุลพินิจของศาล กรณีจึงมีเหตุสมควรกำหนดให้ผู้ร้องไม่ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจาณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับเป็นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ก่อนที่ศาลฎีกาจะอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ ผู้คัดค้านมีหมายแจ้งให้ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์นำยึดที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 13991 ตำบลลำผักชี อำเภอลาดกระบัง (เจียระดับ) กรุงเทพมหานคร วันที่ 15 สิงหาคม 2554 ผู้ร้องจึงได้นำยึดที่ดินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้คัดค้าน แต่เมื่อศาลฎีกาอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่เป็นผลให้การบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้วเป็นอันเพิกถอนไปในตัวรวมถึงการยึดทรัพย์ที่ดินพิพาทด้วย ผู้คัดค้านได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดี เป็นเงิน 153,550 บาท คำสั่งและคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านไม่ชอบ เนื่องจากการยึดทรัพย์และการที่ศาลฎีกาอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ มิใช่ความผิดของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความมิได้อุทธรณ์โต้แย้งกันรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 ผู้คัดค้านมีหมายแจ้งให้ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 13991 ตำบลลำผักชี อำเภอลาดกระบัง (เจียระดับ) กรุงเทพมหานคร วันที่ 15 สิงหาคม 2554 ผู้ร้องจึงได้นำยึดที่ดินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้คัดค้าน วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 ศาลฎีกามีคำพิพากษาอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เป็นผลให้การบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้วเป็นอันเพิกถอนไปในตัว ผู้คัดค้านจึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดี
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องจะต้องชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดีหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องจำเป็นต้องนำยึดทรัพย์ที่ดินพิพาทในวันที่ 15 สิงหาคม 2554 เนื่องจากผู้คัดค้านมีหมายแจ้งไปให้ผู้ร้องดำเนินการ การที่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับเป็นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ เป็นเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องไม่สุจริตในการดำเนินการบังคับคดี อย่างไร อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ที่กำหนดให้ความรับผิดชั้นที่สุดในค่าฤชาธรรมเนียมอยู่ในดุลพินิจของศาล ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าใช้จ่ายในคดีไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา กรณีมีเหตุสมควรกำหนดให้ผู้ร้องไม่ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดี
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายและค่าใช้จ่ายในคดี เป็นเงิน 153,550 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share