แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 บัญญัติว่าผู้ให้เช่านาจะขายนาได้ต่อเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาซึ่งเช่านาแปลงนั้นทราบพร้อมทั้งราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินและถ้าผู้เช่านาแสดงความจำนงจะซื้อนาแปลงนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง ผู้ให้เช่านาต้องขายนาแปลงดังกล่าวให้ผู้เช่านาในราคาและตามวิธีการที่ได้แจ้งไว้ถ้าผู้ให้เช่านาขายนาโดยมิได้ปฏิบัติดังกล่าว ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้ซื้อในราคาและวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่านาได้ขายให้แก่ผู้ซื้อเมื่อปรากฏว่านางสมใจผู้ให้เช่านาขายนาให้จำเลยโดยมิได้แจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ผู้เช่านาทราบจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวอันเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายโจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ยังมีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่าพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 วรรคหนึ่งและวรรคสี่บัญญัติว่า”ผู้ให้เช่านาจะขายนาได้ต่อเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาซึ่งเช่านาแปลงนั้นทราบพร้อมทั้งราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงิน และถ้าผู้เช่านาแสดงความจำนงจะซื้อนาแปลงนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง ผู้ให้เช่านาต้องขายนาแปลงดังกล่าวให้ผู้เช่านาในราคาและตามวิธีการที่ได้แจ้งไว้ ฯลฯ ถ้าผู้ให้เช่านาขายนาโดยมิได้ปฏิบัติตามวรรคหนึ่งฯ ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้ซื้อในราคาและวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่านาได้ขายให้แก่ผู้ซื้อ ฯลฯ” เมื่อกฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์โดยจำเลยมิได้โต้แย้งว่า นางสมใจผู้ให้เช่านาขายนาให้จำเลยโดยมิได้แจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยขายนาพิพาทให้โจทก์ในราคา 146,210บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,800 บาท”