คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์” ที่เจ้าพนักงานตำรวจบันทึกไว้หมายความถึงไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ไม่หมายความถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และการที่จอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนลาดพร้าว โดยไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ แต่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และทิ้งรถยนต์ไว้เพียงประมาณ 10 นาที เพื่อไปซื้อของที่ร้านค้าริมถนนลาดพร้าวห่างจากที่จอดราวประมาณ 3 เมตร โดยที่ยังมีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้น แล้วรถยนต์ที่เอาประกันไว้ได้หายไป มิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องตามสัญญาประกันภัยรถยนต์

จำเลยให้การว่า รถยนต์ที่เอาประกันภัยสูญหายเพราะเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่า “ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์” ที่บันทึกลงไว้ในเอกสารหมาย จ.6 นั้นยังเป็นข้อความที่กำกวม อาจจะหมายถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออกก็ได้หรือไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ก็ได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็มิได้วินิจฉัยลงไปให้ชัดว่ามีความหมายอย่างใดแน่ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยความหมายของคำว่า “ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์” ที่บันทึกไว้ดังกล่าวเสียก่อน เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า ลำพังแต่การที่นายสุบรรณ์ผู้เอาประกันภัยจอดรถไว้ แล้วลงจากรถไปห่างจากที่จอดประมาณ 30 เมตรโดยไม่ได้ล็อคกุญแจซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำได้ง่ายและน่าจะให้ความปลอดภัยแก่รถตามสมควรแล้วประกอบกับข้อเท็จจริงอย่างอื่น จึงฟังว่าการละเลยของนายสุบรรณ์ ถึงขนาดร้ายแรงยิ่งกว่าความประมาทเลินเล่ออย่างธรรมดาพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่า คำว่าไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์ในที่นี้ความหมายควรเป็นว่า ไม่ได้ล็อคกุญแจประตูนั่นเอง ไม่ใช่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้หรือทิ้งกุญแจรถยนต์ไว้ในรถ จำเลยแก้อุทธรณ์ว่าการที่นายสุบรรณ์จอดรถทิ้งไว้ 10 นาทีนั้น อาจจะเป็นระยะเวลาอันสั้นสำหรับการปฏิบัติการลักขโมยรถเพราะจะต้องงัดหรือพังกุญแจรถก่อนจึงจะเข้าไปในรถและขโมยรถได้ และเมื่อจำเลยฎีกาก็มิได้โต้แย้งว่าคำว่าไม่ได้ล็อคกุญแจรถหมายถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันรับฟังได้ว่า คำว่าไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์ที่บันทึกไว้นั้นหมายความถึงไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ดังนั้นการที่นายสุบรรณ์จอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนลาดพร้าว โดยไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ แต่ก็ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และทิ้งรถยนต์ไว้เพียงประมาณ 10 นาที เพื่อไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านค้าริมถนนลาดพร้าวห่างจากที่จอดรถประมาณ 30 เมตร โดยที่ยังมีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้น ดังที่บันทึกไว้ว่าเมื่อนายสุบรรณ์กลับมาที่รถ ได้สอบถามผู้ที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงดังกล่าวมานี้ เห็นว่าการที่รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ได้หายไปมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของนายสุบรรณ์ผู้เอาประกันภัย จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย

พิพากษายืน

Share