คำสั่งคำร้องที่ 917/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การอนุญาตรับรองฎีกาว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควร สู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกาได้หรือไม่เป็นดุลพินิจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาแต่ละท่าน เมื่อเห็นว่าไม่เป็นปัญหาสำคัญ และไม่ อนุญาตให้ฎีกาแล้วจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ จึงไม่รับฎีกาคำสั่งของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองสมควรที่จะ ได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาว่า คำร้องขอให้รับรองฎีกาของ จำเลยทั้งสองยื่นภายในกำหนดระยะเวลายื่นฎีกาแล้วหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชกำหนด ป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 มาตรา 3,4,17,24,31 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 3 เดือน นำโทษจำคุก 3 เดือน ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 147/2536 ของศาลชั้นต้น บวกเข้ากับโทษจำคุก จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน นำโทษจำคุก 3 เดือน และ 3 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3644/2535 และ 146/2536 ของศาลชั้นต้น บวกเข้ากับโทษจำคุก จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 เดือน ของกลางริบ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง และสั่งฎีกาว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง (อันดับ 17,16) จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้รับรองฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า ตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง พอแปลได้ว่าจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน หรือผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะรับรอง ฎีกาของจำเลยทั้งสอง อ้างว่าคดีมีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุด จะได้วินิจฉัย แต่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้รับรองฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อพ้นกำหนดอายุฎีกาแล้ว จึงไม่อาจรับรอง ให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ให้ยกคำร้อง (อันดับ 25) จำเลยทั้งสองฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 28) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 29)

คำสั่ง คดีของจำเลยต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลย ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 วันที่ 15 ธันวาคม 2537 จำเลยยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรอง ฎีกาภายในกำหนดอายุฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับรองฎีกาและมีคำสั่ง ไม่รับฎีกา จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับรอง ฎีกาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2538 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 แปลว่า เป็นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่นั่งพิจารณา รับรองให้ฎีกา ซึ่งเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนดอายุฎีกาแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งไม่รับรองฎีกาให้จึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share