แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522มิได้บัญญัติว่ากัญชาซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่5นั้น หมายถึงกัญชาแห้ง จึงต้องหมายถึงกัญชาสดด้วยและการคำนวณน้ำหนักกัญชาตามมาตรา 26 วรรคสองมิได้บัญญัติเป็นพิเศษว่า ถ้าเป็นกรณีมีกัญชาสดให้คำนวณน้ำหนักเมื่อกัญชาแห้งแล้ว จึงไม่จำต้องคำนวณน้ำหนักเมื่อกัญชาสดนั้นแห้งแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาแห้งจำนวน 2.5 กิโลกรัม และต้นกัญชาสดจำนวน 29 กิโลกรัม รวม 31.5 กิโลกรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7(5), 26, 76, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 7(5), 26, 76, 102 ลงโทษจำคุกหกเดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกสามเดือน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำของความผิดที่โจทก์ฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 76 วรรคสอง ให้จำคุกสองปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกหนึ่งปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าการมีกัญชายาเสพติดประเภทที่ 5ไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคสอง และ 76 วรรคสอง หมายถึงมีเฉพาะกัญชาแห้งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 7 มิได้บัญญัติว่ากัญชายาเสพติดประเภทที่ 5 หมายถึงเฉพาะกัญชาแห้ง ฉะนั้น ย่อมหมายถึงกัญชาสดด้วย และการคำนวณน้ำหนักกัญชาตามมาตรา 26 วรรคสอง มิได้บัญญัติเป็นพิเศษว่าถ้าเป็นกรณีมีกัญชาสดให้คำนวณน้ำหนักเมื่อกัญชาแห้งแล้ว เมื่อฟังเป็นยุติได้แล้วว่าจำเลยมีกัญชาแห้งหนัก 2.5 กิโลกรัม กัญชาสดหนัก 29 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 31.5 กิโลกรัม จึงเป็นความผิดตามมาตรา 76 วรรคสอง
พิพากษายืน