คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดามอบอำนาจให้บุตรไปทำสัญญาจำนองที่ดินและโรงเรือนไว้กับเขา ต่อมาได้มีการผ่อนชำระและบุตรได้ทำ
สัญญารับรองหนี้ที่ค้างไว้ ส่วนสัญญาจำนองขอรับคืนให้ไป เช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า การที่บุตรทำสัญญารับรอง
หนี้ที่ค้างให้เขาไว้.ก็เป็นการทำแทนมารดาตามหนังสือมอบอำนาจนั้นเอง ฉะนั้นมารดาจึงต้องรับผิดใช้หนี้ที่ค้าง
นั้นแก่เขา.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไถ่จำนองและชำระเงินที่ค้าง ๓๖๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินที่ค้าง ๓๖๐๐ บ.กับดอกเบี้ยที่ค้าง ๑๐๐ ละ ๑๕ ฯลฯ ยกฟ้องเฉพาะ
จำเลยที่ ๒.
จำเลยอุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๓๖๐๐ บาท แต่แก้ไขให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ++ ฯลฯ ความอื่น
นอกจากนี้ยืน.
จำเลยที่ ๑ ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า เรื่องนี้เดิมจำเลยที่ ๑ ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาาจำนองที่ดินและโรงเรือนไว้กับโจทก์
เป็นเงิน ๑๐๐๐๐ บาท ต่อมาได้มีการผ่อนชำระ ๖๔๐๐ บาท ครั้นวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๔๙+ จำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญารับ
รองหนี้ค้างให้ไว้ ส่วนสัญญาจำนองขอรับคืนไป เช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าการที่จำเลยที่ ๒ ทำสัญญารับรองฉะบับลงวันที่
๔ พฤศจิกายน ให้โจทก์ไว้ ก็เป็นการทำแทนจำเลยที่ ๑ ตามหนังสือมอบอำนาจนั้นเอง ฉะนั้นจำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดใช้
หนี้ที่ค้างอยู่ดังคำวินิจฉัยศาลล่างทั้ง ๒ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น.
จึงพิพากษายืน.

Share