แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาขายเหมาอิฐ 2 เตา อิฐประมาณสองแสนสองหมื่นแผ่น ซึ่งอยู่ที่ลานเป็นเงิน 7,000 บาท ดังนี้เป็นการขายอิฐเป็นเตาซึ่งมีจำนวนแน่นอน คือสองเตาราคาก็แน่นอน คือ 7,000 บาท แม้จะได้กล่าวถึงจำนวนอิฐไว้ด้วย ก็เป็นการกล่าวไว้โดยประมาณพอให้เข้าใจว่าอิฐที่ขายมีปริมาณสักเท่าใดกรรมสิทธิในอิฐย่อมผ่านจากผู้ซื้อไปยังผู้ขายตั้งแต่ขณะทำสัญญากันแล้ว กรณีไม่ต้องด้วย ป.พ.พ.ม.460
ย่อยาว
คดีนี้เป็นคดีชั้นขัดทรัพย์ โจทก์นำยึดอิฐสุก ๓ เตาประมาณสองแสนแผ่น อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยได้ขายให้ผู้ร้องและได้รับเงินเสร็จไปแล้ว
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง แต่ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ปรากฎข้อความในสัญญาชัดเจนว่า จำเลยมีอิฐสุกอยู่ที่ลานของนางลำดวน ๒ เตา อิฐประมาณสองแสนสองหมื่นแผ่นจำเลยได้ขายเหมาอิฐทั้งสองเตานี้ให้แก่ผู้ร้องเป็นเงิน ๗,๐๐๐ บาท และได้รับเงินไปถูกต้องแล้ว การขายอิฐรายนี้จึงเป็นการขายเป็นเตาซึ่งมีจำนวนแน่นอนคือว่า ๒ เตา เช่นเดียวกับที่บุคคลอาจขายอิฐหรือดินเป็นกอง ๆ ได้ ไม่ใช่เป็นการขายอิฐเป็นแผ่น ๆ หรือดินเป็นก้อน ๆ ส่วนที่กล่าวถึงจำนวนอิฐลงไว้ในสัญญาว่ามีประมาณสองแสนสองหมื่นแผ่นก็เป็นแต่กล่าวไว้โดยประมาณให้เข้าใจว่าอิฐที่ขายมีประมาณสักเท่าใด และที่จำเลยรับรองไว้ในสัญญาข้อ ๔ ว่า อิฐที่ซื้อไปนี้ ถ้าขายได้เงินไม่พอกับจำนวนเงินที่จำเลยรับไป คือ ๗,๐๐๐ บาท จำเลยยอมรับทำอิฐใช้ให้จนครบจำนวนเงินที่ขาดไป ก็เป็นเพียงการรับประกันไม่ให้ผู้ซื้อขาดทุนเท่านั้นไม่มีผลเกี่ยวกับกรรมสิทธิในอิฐนั้นอย่างไร ถ้าสัญญานี้ได้ทำกันจริงโดยสุจริต กรรมสิทธิในอิฐนั้นก็ได้ผ่านจากผู้ซื้อไปยังผู้ขายตั้งแต่ขณะทำสัญญากันแล้ว กรณีจะปรับด้วย ป.พ.พ.ม.๔๖๐ ไม่ได้ เพราะปริมาณแห่งทรัพย์สินที่ขายได้กำหนดไว้แน่นอน และราคาก็แน่นอนแล้ว ฯลฯ จึงพิพากษายืน