แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำที่ดินพิพาทส่วนที่เป็นของโจทก์และอยู่ในความครอบครองของโจทก์ไปขอออก น.ส. 3 ก. โดยไม่ชอบ ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ ตาม ป. ที่ดิน มาตรา 61 และโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ในส่วนที่ออกโดยไม่ชอบได้เพราะตราบใดที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ยังไม่ถูกเพิกถอนย่อมถือว่าการละเมิด ยังมีอยู่ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทจำนวน ๖ ไร่ ๔๗ ตารางวา ตาม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๔๒ ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร เป็นของโจทก์ให้เพิกถอน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๙๔๒ ดังกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท และห้ามเกี่ยวข้องรบกวนต่อไป
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้พิพากษาห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีกต่อไป
โจทก์ให้การขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๒,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินพิพาทส่วนที่อยู่ทางด้านทิศเหนือเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ เป็นของโจทก์ และส่วนที่อยู่ทางด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ เป็นของจำเลย ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนของโจทก์ และห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนของจำเลย ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์
(น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๙๔๒ ดังกล่าวข้างต้นเฉพาะส่วนทางด้านทิศเหนือเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ คำขออื่นของโจทก์และของจำเลยนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์มีที่ดิน ๑ แปลง โดยได้รับมรดกมาจากบิดามารดา โจทก์มีบุตร ๗ คน นางสมศรี แสงอุ่น ภริยาจำเลยเป็นบุตรคนหนึ่งของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยและนางสมศรีปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์ เมื่อประมาณปี ๒๕๑๔ โจทก์แบ่งที่ดินบางส่วนทางด้านทิศใต้ซึ่งเป็นที่นาให้จำเลยกับนางสมศรีทำนา ต่อมาในปี ๒๕๒๑ ทั้งโจทก์และจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โจทก์ได้รับหนังสือ ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า บ.และ อ. ได้ทำนาทำกินในที่ดินพิพาทอยู่คนละประมาณ ๒ ไร่ โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์ สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ส่วนที่ บ. และ อ. ทำนาทำกินอยู่ประมาณ ๔ ไร่ ตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.๒ นั้น เป็นการครอบครองแทนโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ จำเลยและภริยาคงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์รับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๙๔๒ เฉพาะส่วนที่อยู่ทางด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ โดยมีคันนาเป็นแนวเขตตามแผนที่สังเขปหมาย จ.๒ ส่วนที่ดินพิพาทส่วนที่อยู่ทางด้านทิศเหนือเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ ซึ่ง บ. และ อ. ทำกินอยู่ จำเลยไม่มีสิทธิครอบครอง แต่ยังคงอยู่ในความครอบครองของโจทก์ การที่จำเลยนำที่ดินส่วนนี้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) ด้วยจึงไม่ชอบ ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๑ และโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) ในส่วนที่ออกโดยไม่ชอบดังกล่าวได้เพราะตราบใดที่หนังสือรับรองการกระทำประโยชน์ยังไม่ถูกเพิกถอนย่อมถือว่าการละเมิดยังมีอยู่ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาชอบแล้วต้องด้วยความเห็นฎีกา ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ