คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2598/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า หาก ป. หุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์สาบานได้ว่า จำเลยนำเช็คตามฟ้องมาแลกเงินสดจากโจทก์ตามฟ้องจำเลยยอมแพ้คดีหากป.ไม่ยอมสาบานไม่ว่าแห่งหนึ่งแห่งใดโจทก์ยอมแพ้คดี ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานต่อศาลว่าได้กล่าวคำสาบานและ ป. กล่าวคำสาบานตามที่คู่ความตกลงกันไว้แล้ว เมื่อจำเลยซึ่งไปฟังการสาบานได้ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ปรากฏข้อทักท้วงต่อเจ้าหน้าที่ศาลว่า ป. กล่าวถ้อยคำนอกเหนือจากที่มีการตกลงกัน จึงถือได้ว่าจำเลยรับรองความถูกต้องของรายงานเจ้าหน้าที่นั้นแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่าย แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 169,077.90 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คไม่มีมูลหนี้ นายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์หลอกลวงจำเลยให้ออกเช็คประกันหนี้ผู้อื่น และผู้อื่นชำระหนี้นั้นแล้ว ต่อมานายปรีชาได้เปลี่ยนให้โจทก์เป็นผู้ทรง
วันนัดพิจารณาสืบพยานจำเลย โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่าหากนายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์ สาบานต่อหน้าพระแก้วมรกต ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลท้าวมหาพรหมได้ว่า จำเลยได้นำเช็คธนาคารไทยทนุจำกัด สาขางามวงศ์วาน เลขที่ 135328 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2526 มาแลกเงินสดไปจากโจทก์เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2526 ตามฟ้องแล้วจำเลยยอมแพ้คดี ยอมใช้เงินให้โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้อง หากนายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์ ไม่ยอมสาบานไม่ว่าแห่งหนึ่งแห่งใด โจทก์ยอมแพ้คดี ศาลชั้นต้นจัดให้เจ้าหน้าที่ศาลนำคู่ความไปยังสถานที่ดังกล่าวในวันที่ 7 สิงหาคม 2527 และเจ้าหน้าที่ศาลได้รายงานต่อศาลในวันนั้นว่าได้กล่าวนำคำสาบานและได้ให้นายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์กล่าวคำสาบานตามที่คู่ความได้ตกลงกันไว้ต่อศาลแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 169,077.90 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ว่า นายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์ สาบานเพิ่มเติมจากคำสาบานที่ตกลงกันไว้ คำสาบานจึงไม่ชอบ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า นายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์ สาบานนอกเหนือจากที่ได้ตกลงกันไว้ การที่จำเลยลงลายมือชื่อในรายงานการสาบานของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงรับทราบว่านายปรีชาได้มาสาบานเท่านั้นหาได้หมายความยอมรับว่าการสาบานนั้นถูกต้องและเป็นการสาบานโดยชอบไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามรายงานของเจ้าหน้าที่ศาลลงวันที่7 สิงหาคม 2527 ว่า นายปรีชา อังคปรีชาเศรษฐ์ ได้กล่าวคำสาบานตามที่คู่ความได้ตกลงกันไว้ต่อหน้าศาลแล้ว และในรายงานนี้จำเลยซึ่งได้ไปฟังการสาบาน ได้ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กล่าวทักท้วงต่อเจ้าหน้าที่ศาลว่านายปรีชา ได้กล่าวถ้อยคำสาบานนอกเหนือจากที่มีการตกลงกันไว้ต่อศาล การที่จำเลยลงลายมือชื่อในรายงานดังกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยได้รับรองความถูกต้องของรายงานเจ้าหน้าที่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share