คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องในตอนแรกกล่าวว่า ส. ซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ขององค์การ ร.ส.พ. ร่วมกับจำเลยและพวกลักเอาผ้าปูพื้นเต็นท์สนามของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การ ร.ส.พ. และบรรทุกมาในรถที่ ส. ขับ ในตอนต่อไปกล่าวว่า การกระทำของ ส.ดังกล่าวเป็นการเบียดบังทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองขององค์การ ร.ส.พ.ในขณะที่ ส. มีหน้าที่จัดการและรักษาทรัพย์นี้ตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของตนและผู้อื่นโดยทุจริต จำเลยกับพวกเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของ ส. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายฟ้องประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 4 ซึ่งมีอัตราโทษหนักนั่นเอง และในกรณีเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานสนับสนุนผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502เท่านั้น หาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ด้วยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายแสวงซึ่งยังหลบหนีอยู่ เป็นลูกจ้างขับรถยนต์ขององค์การรับส่งสินค้าฯ (ร.ส.พ.) อันเป็นองค์การของรัฐ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ก. 4568 บรรทุกตู้เหล็กบรรจุผ้าปูพื้นเต็นท์สนาม ฯลฯ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การ ร.ส.พ. จากค่ายเฟรนด์ชิพ จังหวัดนครราชสีมา ไปส่งที่อำเภอสัตหีบ มีรถทั้งหมด 8 คัน ผู้ควบคุมขบวนไปกับรถคันอื่นด้วยระหว่างทางนายแสวงได้ขับรถเลี้ยวเข้าซอยข้างทาง แล้วร่วมกับจำเลยทั้งห้าคนนี้กับพวกอีกสองคน ลักเอาผ้าปูพื้นเต็นท์ฯ ดังกล่าวที่องค์การ ร.ส.พ. รับเหมาบรรทุก โดยนายแสวงมีหน้าที่จัดการและรักษาทรัพย์นี้ด้วย ในการลักทรัพย์นี้นายแสวงและจำเลยกับพวกได้ช่วยกันงัดตู้เหล็กออกแล้วลักเอาผ้าปูพื้นเต็นท์ไป การกระทำของนายแสวงดังกล่าวเป็นการเบียดบังทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองขององค์การ ร.ส.พ. ขณะที่นายแสวงมีหน้าที่จัดการและรักษาทรัพย์นี้ตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นโดยสุจริต และจำเลยทั้งห้ากับพวกอีกประมาณสองคนได้ร่วมกันสนับสนุนโดยให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการกระทำผิดของนายแสวง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 83, 335 กับให้คืนทรัพย์ ริบของกลางและใช้ราคา

จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ไม่มีฝ่ายใดสืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 83, 335 เป็นความผิดหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ พ.ศ. 2502มาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 83 ซึ่งเป็นบทหนักวางโทษ 2 ใน 3 ตามมาตรา 86 แล้วลดรับสารภาพให้อีกคนละกึ่งหนึ่งผ้าของกลางคืนผู้เสียหาย ฯลฯ

จำเลยที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์ซึ่งตนมีหน้าที่จัดการและรักษานั้น เป็นความผิดคนละฐานต่างกันมาก การกระทำที่เป็นความผิดฐานพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์แล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์อีก จำเลยทั้งห้าคนให้การรับสารภาพต่อศาลว่าได้กระทำผิดตามฟ้องจริง ไม่แน่นอนว่าจำเลยกระทำผิดฐานใด จะลงโทษการกระทำของจำเลยทั้งสองฐานในการกระทำความผิดครั้งเดียวกันเป็นการไม่ชอบ การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายบท แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้มาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยฯ และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและมีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 1, 3 และ 5 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องของโจทก์ในตอนแรกกล่าวว่านายแสวงซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ขององค์การ ร.ส.พ. ได้บังอาจร่วมกับจำเลยทั้งห้าคนนี้กับพวกอีก 2 คนลักเอาผ้าเต็นท์ปูพื้นสนามซึ่งเป็นของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การร.ส.พ. โดยองค์การแห่งนี้รับเหมาบรรทุกมาจากค่าเฟรนด์ชิพฯ ไปส่งที่อำเภอสัตหีบฯ ซึ่งบรรทุกมาในรถที่นายแสวงขับ และฟ้องในตอนต่อไปกล่าวว่า การกระทำของนายแสวงดังกล่าวเป็นการเบียดบังทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองขององค์การ ร.ส.พ. ในขณะที่นายแสวงมีหน้าที่จัดการและรักษาทรัพย์นี้ตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของตนและผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ พ.ศ. 2502 จำเลยทั้งห้ากับพวกอีกประมาณ 2 คน ซึ่งไม่ได้เป็นพนักงานขององค์การ ร.ส.พ. ได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้ด้วยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของนายแสวงผู้เป็นพนักงานขององค์การฯ เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป กรณีจึงหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวฟ้องเป็น 2 ฐาน คือ ฐานลักทรัพย์และฐานเป็นพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์ไป หากแต่เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายฟ้องประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งมีอัตราโทษสถานหนักนั่นเอง จำเลยทุกคนรับสารภาพแล้วย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 เพราะเป็นความผิดฐานสนับสนุนผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ พ.ศ. 2502 เท่านั้นและเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงพิพากษาถึงจำเลยทุกคนที่มิได้ฎีกาได้ด้วย

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทุกคนมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การฯ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 83 ลดโทษให้ตามมาตรา 78 คนละกึ่งหนึ่ง ข้อหาอื่นให้ยก

Share