คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ตกลงรับโอนกิจการโรงเรียนจากจำเลยที่ 1 พร้อมกับหนี้สินของโรงเรียน และแจ้งให้เจ้าหนี้ไปขอรับชำระหนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกรวมอยู่ด้วย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 เนื่องจากกิจการของโรงเรียนที่จำเลยที่ 2 รับโอนมาตามสัญญาดังกล่าวได้ขอรับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามสัญญาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันตามสัญญาในอันที่จะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี ได้เปิดบัญชีกระแสรายวันไว้กับโจทก์ สาขาภูเก็ต และขอเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ โจทก์ทวงถาม จำเลยที่ ๑ ขอผ่อนผันจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗แต่จำเลยที่ ๑ ผิดนัด ต่อมาจำเลยที่ ๒ เข้าดำเนินกิจการแทนจำเลยที่ ๑ และประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แจ้งให้เจ้าหนี้ของโรงเรียนยื่นหลักฐานขอรับชำระหนี้ โจทก์ยื่นหลักฐานขอรับชำระหนี้แล้วจำเลยที่ ๒ เพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ๑๙,๐๗๙.๘๒ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๘,๘๖๒.๗๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ รับโอนกิจการโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยีจากจำเลยที่ ๑ จริง แต่หนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่หนี้ที่ก่อเพื่อกิจการของโรงเรียนและไม่มีกฎหมายบังคับให้จำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๑๓,๒๔๖.๕๙ บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๒๗เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยคิดดอกเบี้ยทบต้นจากวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๒๗ ถึงวันที่ ๑๐กรกฎาคม ๒๕๒๗ หลังจากนั้นให้คิดดอกเบี้ยไม่ทบต้น
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าไม่มีบทกฎหมายใดที่จะให้จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น ข้อเท็จจริงยุติว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องเนื่องจากการดำเนินกิจการโรงเรียนภูเก็ตเทคโนโลยี เห็นว่าการที่จำเลยที่ ๒ ตกลงรับโอนกิจการโรงเรียนภูเก็ต-เทคโนโลยีจากจำเลยที่ ๑ พร้อมกับหนี้สินของโรงเรียน และแจ้งให้เจ้าหนี้ไปขอรับชำระหนี้นั้นเป็นการตกลงที่จำเลยที่ ๒ ยอมรับชำระหนี้ของโรงเรียนที่เนื่องมาจากกิจการของโรงเรียนที่รับโอนมีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้อันเป็นบุคคลนอกสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๑ และที้ ๒ ด้วยข้อตกลงดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกรวมอยู่ด้วย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ ๑ เนื่องจากกิจการของโรงเรียนที่จำเลยที่ ๒ รับโอนมาตามสัญญาดังกล่าวได้ขอรับชำระหนี้จากจำเลยที่ ๒ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามสัญญาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว จำเลยที่ ๒ จึงต้องผูกพันตามสัญญาในอันที่จะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๔ วรรคสอง
พิพากษายืน.

Share