แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของจำเลยที่ขอให้ถอนการยึดทรัพย์โดยวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์จำเลยกระทำ ก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นการยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาแต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้เพราะไม่มีบทกฎหมายจำกัดห้ามไว้
ในวันที่ศาลชั้นต้นแจ้งให้ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้บังคับคดีแทนให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีเพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ เรื่องทุเลาการบังคับคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) และมีความหมายเพียงว่าเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีงดการบังคับคดีแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้ว การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนทำการยึดทรัพย์ในภายหลัง แม้จะอ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดี ก็เป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลชั้นต้น ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและเมื่อโจทก์ได้รับชำระเงินจากจำเลยแล้ว ให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์โรงงานพิพาทและทะเบียนรถยนต์บรรทุก ๔ คันให้แก่จำเลย และยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยทำประกันสำหรับต้นเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยแถลงขอให้ใช้โรงงานพิพาท ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นประกันศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โรงงานพิพาทยังเป็นของโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธินำมาเป็นประกัน และให้นัดพิจารณาหลักประกันในวันต่อมา
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
ในวันนัดพิจารณาหลักประกัน จำเลยไม่มา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ได้รับการทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งศาล ในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์จึงขอให้ดำเนินการบังคับคดีกับจำเลยต่อไป ศาลแพ่งขอให้ศาลจังหวัดปทุมธานีสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลย และในวันเดียวกันจำเลยได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์อีก กับขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดี เพื่อรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดี จนกว่าศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ปรากฏว่า ในวันที่ ๒๙ และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการยึดทรัพย์จำเลยไว้บางส่วนตามที่ผู้แทนโจทก์นำยึด จำเลยจึงยื่นคำร้องลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ว่าผู้แทนจำเลยได้แจ้งให้ผู้แทนโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน แต่ผู้แทนโจทก์ไม่เชื่อและทำการยึดทรัพย์จำเลย จึงขอให้ศาลแพ่งแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี และศาลจังหวัดปทุมธานีทราบและมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า การยึดทรัพย์จำเลยกระทำเมื่อวันที่ ๒๙ และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งของศาลที่ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ การยึดทรัพย์จึงชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้กระทำไปก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทราบคำสั่งศาล จึงไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทนี้ได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับแรกว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีนี้ไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะชี้ขาดเกี่ยวกับหลักประกัน ชั้นขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตามที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ส่วนอุทธรณ์ฉบับที่สอง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดปทุมธานีดำเนินการยึดทรัพย์ไปโดยไม่ทราบว่ามีคำสั่งให้งดการบังคับคดีก็ตามแต่ก็ยังไม่ถูกต้องตามคำสั่งศาลแพ่ง เพราะศาลแพ่งสั่งงดการบังคับคดีไว้แล้วซึ่งผู้เกี่ยวข้องจักต้องปฏิบัติตามเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขตามที่เห็นสมควรได้ พิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ตามคำร้องของจำเลย
โจทก์ฎีกาเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับหลัง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาประการแรกว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อ ๒ ข. ที่ว่าการบังคับคดีภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้งดบังคับคดีเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟังไม่ขึ้นฎีกาของโจทก์ข้อนี้หาได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใดไม่ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฎีกาประการต่อมาว่า คำสั่งของศาลแพ่งลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๘ ที่ว่า การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายจึงไม่อาจเพิกถอนการยึดทรัพย์รายพิพาทได้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนี้ไว้ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๖ ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา แต่เป็นคำสั่งโดยทั่วไป ซึ่งคู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติจำกัดห้ามไว้ ศาลอุทธรณ์หาได้รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังโจทก์ฎีกาไม่
โจทก์ฎีกาเป็นประการสุดท้ายว่า ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๕ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีด้วยในปัญหานี้ได้ความว่า ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ที่ศาลแพ่งได้แจ้งศาลจังหวัดปทุมธานีให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยตามคำแถลงของผู้แทนโจทก์นั้นในวันเดียวกันนั้นเอง ปรากฏว่าจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้งดหรือยกเลิกการออกหมายบังคับคดีไว้ เพราะได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ไว้แล้ว และศาลแพ่งได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่า ให้งดการบังคับคดีไว้ระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์เรื่องทุเลาการบังคับคดีด้วย แต่ปรากฏว่าศาลแพ่งเพิ่งจะมีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ให้งดการบังคับคดีเอาเมื่อวันที่ ๒๘พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีทำการยึดทรัพย์รายพิพาทของจำเลยในวันที่ ๒๙ และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ จึงยังไม่ทราบคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลแพ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีเพิ่งทราบคำสั่งอันหลังนี้เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้งดการบังคับคดี เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๙๒ (๒) แม้บทกฎหมายมาตราดังกล่าวจะใช้คำว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดี เมื่อศาลได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวก็ให้งดการบังคับคดีตามคำสั่ง หาได้มีความหมายเลยไปถึงว่าคำสั่งให้งดการบังคับคดีจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่ ดังนั้นเมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ และได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดีให้งดการบังคับคดีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ คำสั่งดังกล่าวย่อมเกิดผลแล้วแม้เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีจะอ้างว่า เพิ่งทราบคำสั่งให้งดการบังคับคดีในภายหลังก็ตาม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดปทุมธานีทำการยึดทรัพย์จำเลยทั้งในวันที่ ๒๙ และวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ จึงเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้งดการบังคับคดีของศาลแพ่ง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ไม่ถูกต้องนั้นได้ และคำสั่งดังกล่าวหาใช่เป็นการถอนการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๕ ไม่ และดังนั้นจึงไม่จำต้องมีกรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางเงินต่อศาลหรือต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงจะถอนการบังคับคดีได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๕ (๑)ทั้งไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีการขอทุเลาการบังคับคดีดังโจทก์ฎีกาแต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์จำเลยโดยฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้งดการบังคับคดี ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ตามคำร้องของจำเลยจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.