คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2590/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ยานพาหนะใดเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) หรือไม่ ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของการกระทำความผิดเป็นเรื่อง ๆ ไป จำเลยนำรถยนต์กระบะสองแถวของกลางมาเพื่อใช้เป็นพาหนะบรรทุกน้ำมันที่ลักมาหลบหนีไปเท่านั้น จำเลยมิได้ใช้รถยนต์กระบะสองแถวในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องแต่อย่างใด รถยนต์กระบะสองแถวของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335และมาตรา 336 ทวิ ประกอบด้วย มาตรา 83 ลดโทษและลดมาตราส่วนโทษแล้วจำคุกจำเลยที่ 1, ที่ 2 คนละ 2 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 1 ปี คืนรถยนต์กระบะและฝาปิดถังน้ำมันของกลางให้เจ้าของโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า รถยนต์กระบะสองแถวหมายเลขทะเบียนน-5683 สุราษฎร์ธานี และฝาปิดถังน้ำมันของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงต้องริบหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักน้ำมันโซลา จำนวน 75ลิตร จากรถแทรกเตอร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขณะกระทำผิดจำเลยได้จอดรถยนต์ของกลางไว้ใกล้ ๆ รถแทรกเตอร์ พอจำเลยที่ 2หิ้วถังน้ำมันซึ่งมีน้ำมันโซลาบรรจุอยู่ 1 ถัง และจำเลยที่ 3หิ้วถังน้ำมันที่มีน้ำมันบรรจุอยู่ 1 ถัง และถังเปล่าอีก 1 ถังกำลังเดินไปที่รถยนต์กระบะสองแถวดังกล่าวพร้อมกับจำเลยที่ 1ก็มีเจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการจับกุมได้พร้อมด้วยของกลางในคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาว่ายานพาหนะใดเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลจะพึงสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)หรือไม่ ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของการกระทำความผิดเป็นเรื่อง ๆ ไปคดีนี้จำเลยนำรถยนต์กระบะสองแถวของกลางมาเพื่อใช้เป็นพาหนะบรรทุกน้ำมันที่ลักมาหลบหนีไปเท่านั้น จำเลยทั้งสามมิได้ใช้รถยนต์กระบะสองแถวในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องแต่อย่างใด รถยนต์กระบะสองแถวของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) ส่วนฝาน้ำมัน 1 ฝานั้น ปรากฏว่าเป็นฝาปิดถังน้ำมันของรถยนต์ จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้อีกเช่นกัน ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share