คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาขนส่งสินค้าระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นสัญญารับขนของโดยมีการขนส่งทางทะเลและทางอื่นรวมอยู่ด้วย อันเข้าเป็นลักษณะของสัญญาจ้างทำของ และลักษณะของสัญญามุ่งเน้นการขนส่งทางทะเลเป็นสาระสำคัญ การที่ใบจองระวางเรือและใบตราส่งสินค้าพิพาทระบุจุดหมายปลายทางของการขนส่งทั้งสองเที่ยวว่าเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงว่าความรับผิดของจำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อได้ส่งของที่รับขนส่งให้แก่ผู้รับตราส่งที่จุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว แม้จำเลยทั้งสองเรียกเก็บค่าระวางจากโจทก์ในลักษณะการขนส่งทางทะเลบวกกับการขนส่งทางบก ก็ไม่อาจถือได้ว่าการขนส่งทางบกโดยรถไฟเป็นสาระสำคัญของสัญญาขนส่งตามฟ้อง เพราะสภาพแห่งสัญญามุ่งถึงผลสำเร็จของงานที่ว่าจ้างโดยการที่สินค้าพิพาทไปถึงมือผู้รับตราส่งที่เมืองปลายทางเท่านั้น การที่สินค้าของโจทก์ไม่อาจขนส่งทางรถไฟจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ได้เพราะมีข้อจำกัดของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา ก็ไม่อาจถือได้ว่าการขนส่งสินค้าพิพาททั้งสองเที่ยวอันเป็นการชำระหนี้ของจำเลยทั้งสองต่อโจทก์ตามสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องกลายเป็นพ้นวิสัย เพราะสินค้าตามฟ้องสามารถขนส่งไปยังเมืองปลายทางได้โดยทางรถบรรทุก ทั้งไม่อาจถือได้ว่าการขนส่งทางรถบรรทุกอยู่นอกเหนือจากข้อตกลงขนส่งสินค้า การที่จำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการขนส่งสินค้าพิพาทจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์อันเป็นสถานที่ปลายทางตามสัญญาขนส่งสินค้าโดยโจทก์ได้บอกกล่าวแก่จำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาภายในระยะเวลาพอสมควรแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์เกรงว่าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายเพราะผู้ซื้ออาจปฏิเสธไม่ยอมรับสินค้า จึงได้แจ้งแก่จำเลยที่ 2 ว่าจะขนส่งสินค้าช่วงจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังปลายทางเอง ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ยินยอมตกลงส่งมอบตู้สินค้าให้แก่บุคคลภายนอกที่โจทก์ติดต่อให้รับขนส่งต่อ โดยจำเลยที่ 2 ตกลงไม่เรียกเก็บค่าเสียเวลาตู้สินค้าที่เมืองแวนคูเวอร์ และจะไปรับตู้สินค้าคืนที่เมืองปลายทาง รวมทั้งยินยอมคืนค่าระวางบางส่วนให้แก่โจทก์ ถือเป็นส่วนที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชอบและไม่มีสิทธิได้รับค่าระวางในส่วนนั้นอยู่แล้ว ไม่อาจถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยทั้งสองสมัครใจเลิกสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องต่อกัน เมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินค่าจ้างขนส่งสินค้าพิพาททั้งสองรายการจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองปลายทางโดยทางรถยนต์เป็นเงิน 46,370 ดอลลาร์สหรัฐ จึงถือเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซึ่งจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ โดยหักเงินค่าระวางส่วนต่างจากท่าเรือเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองปลายทางทั้งสองเที่ยวที่จำเลยทั้งสองส่งคืนให้แก่โจทก์แล้วออก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงิน 46,720.25 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 46,370 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 38,267 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากชำระเป็นเงินบาทให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามอัตราถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ที่ขายให้แก่ลูกค้าในวันที่ใช้เงินจริง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยทั้งสองรับฟังได้ โจทก์ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทวิทที้ เฟรท จำกัด ให้ขนส่งสินค้าเหล็กสเตนเลสม้วนเพื่อไปส่งให้ผู้รับตราส่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โจทก์เป็นผู้ขนส่งประเภทไม่มีเรือเป็นของตนเองจึงว่าจ้างจำเลยทั้งสองขนส่งสินค้าทางทะเลจากท่าเรือแหลมฉบังไปส่งให้ผู้รับตราส่งที่เมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ รวม 2 เที่ยว โจทก์จ่ายค่าระวางขนส่งทั้งหมดแล้ว เมื่อครบกำหนดระยะเวลาส่งมอบสินค้าทั้ง 2 เที่ยว สินค้ายังคงอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ไม่ไปถึงปลายทาง ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 2 ระงับการขนส่งต่อไปและแจ้งว่าโจทก์จะขนส่งสินค้าต่อไปเอง จำเลยที่ 2 ตกลงยินยอม โจทก์ว่าจ้างบุคคลภายนอกขนส่งสินค้าจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์โดยทางรถบรรทุกเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นเงิน 46,370 ดอลลาร์สหรัฐ และได้เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ จำเลยทั้งสองชำระเงินคืนแก่โจทก์แล้ว 319,420 บาท
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองผิดสัญญาขนส่งหรือไม่ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาโดยการขนส่งสินค้าทั้ง 2 เที่ยวทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เพื่อขนส่งต่อไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกาทางรถไฟ แต่ปรากฏว่า สินค้าที่ขนส่งทั้ง 2 เที่ยวตามฟ้อง มีข้อจำกัดควบคุมห้ามขนส่งทางรถไฟเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องขนส่งทางรถบรรทุกเท่านั้น ซึ่งอยู่นอกเหนือข้อตกลงในการว่าจ้างขนส่งสินค้าตามฟ้อง ถือว่ากรณีเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยทั้งสองได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงขั้นตอนและวิธีการขนส่งว่า จำเลยที่ 2 จะทำการขนส่งสินค้าพิพาททางเรือจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แล้วจะขนส่งสินค้าทั้ง 2 เที่ยวไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทางรถไฟ แต่เมื่อพิเคราะห์สัญญาขนส่งสินค้าระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง เป็นสัญญารับขนของโดยมีการขนส่งทางทะเลและทางอื่นรวมอยู่ด้วยและยังเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองตกลงรับจ้างขนสินค้าทางเรือและทางอื่น จากท่าเรือแหลมฉบังไปยังปลายทางที่เมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จนสำเร็จให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ตกลงจ่ายสินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการขนส่ง อันเข้าลักษณะของสัญญาจ้างทำของ และลักษณะสำคัญของสัญญามุ่งเน้นการขนส่งทางทะเลเป็นสาระสำคัญ และการที่ใบจองระวางเรือและใบตราส่งสินค้าพิพาทระบุจุดหมายปลายทางของการขนส่งทั้ง 2 เที่ยวเมืองชิคาโก และเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงว่า ความรับผิดของจำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขนส่งจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อได้ส่งของที่รับขนส่งให้แก่ผู้รับตราส่งที่จุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว ส่วนการขนส่งสินค้าจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ ไม่สามารถขนส่งทางทะเลได้ จึงต้องเป็นการขนส่งทางบก การที่จำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะขนสินค้าตามฟ้องจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังปลายทางโดยทางรถไฟ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเรียกเก็บค่าระวางของสินค้าทั้ง 2 เที่ยวจากโจทก์ในลักษณะการขนส่งทางทะเลบวกกับการขนส่งทางรถไฟ ไม่อาจถือการขนส่งทางบกโดยรถไฟเป็นสาระสำคัญของสัญญาขนส่งตามฟ้อง เพราะสภาพแห่งสัญญามุ่งถึงผลสำเร็จของงานที่ว่าจ้างโดยการที่สินค้าพิพาทไปถึงมือผู้รับตราส่งที่เมืองปลายทางเท่านั้น การที่สินค้าของโจทก์ไม่สามารถขนส่งทางรถไฟจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์เพราะมีข้อจำกัดของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา แม้หากเป็นความจริงดังที่จำเลยทั้งสองนำสืบ ไม่อาจถือว่า การขนส่งสินค้าพิพาททั้ง 2 เที่ยวจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์อันเป็นการชำระหนี้ของจำเลยทั้งสองต่อโจทก์ตามสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องกลายเป็นการพ้นวิสัย เพราะสินค้าตามฟ้องสามารถขนส่งไปยังเมืองปลายทางได้โดยทางรถบรรทุก ทั้งไม่อาจถือได้ว่าการขนส่งทางรถบรรทุกอยู่นอกเหนือจากข้อตกลงขนส่งสินค้าแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการขนส่งสินค้าพิพาทจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์อันเป็นสถานที่ปลายทางตามสัญญาขนส่งสินค้า โดยโจทก์ได้บอกกล่าวแก่จำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาในระยะเวลาพอสมควรแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์เกรงว่าหากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานต่อไปอาจเกิดความเสียหายมากขึ้นเพราะผู้ซื้อสินค้าอาจปฏิเสธไม่ยอมรับสินค้า โจทก์จึงแจ้งจำเลยที่ 2 ว่า จะขนส่งสินค้าช่วงจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์เอง ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ยินยอมและตกลงให้ความร่วมมือในการส่งมอบตู้สินค้าให้แก่บุคคลภายนอกที่โจทก์ติดต่อให้รับขนส่งต่อ โดยจำเลยที่ 2 ตกลงจะไม่เรียกเก็บค่าเสียเวลาตู้สินค้าที่เมืองแวนคูเวอร์ และจะไปรับตู้สินค้าคืนที่เมืองปลายทางเอง รวมทั้งยอมคืนค่าระวางบางส่วนให้แก่โจทก์ถือเป็นส่วนที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชอบและไม่มีสิทธิได้ค่าระวางในส่วนนั้นอยู่แล้ว ไม่อาจถือว่าเป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยทั้งสองสมัครใจเลิกสัญญาขนส่งสินค้าตามฟ้องต่อกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้จ่ายเงินค่าว่าจ้างขนส่งสินค้าพิพาททั้ง 2 รายการจากเมืองแวนคูเวอร์ไปยังเมืองชิคาโกและเมืองดีทรอยต์ทางรถบรรทุกเป็นเงิน 46,370 ดอลลาร์สหรัฐ อันถือเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญา ซึ่งจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ โดยหักเงินค่าระวางส่วนต่างจากท่าเรือเมืองแวนคูเวอร์ไปยังจุดหมายปลายทางทั้ง 2 เที่ยวที่จำเลยทั้งสองส่งคืนให้แก่โจทก์แล้วออกนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 10,000 บาท แทนโจทก์

Share