คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อแตกต่างระหว่างการซื้อขายและการรับจ้างทำของนั้นหาได้อยู่ที่เจตนาและกริยาของคู่กรณีที่ประพฤติต่อกันแต่ประการเดียวไม่ แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่า สัมภาระกับการงานที่รับทำจนสำเร็จนั้นสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ถ้าการงานที่รับทำจนสำเร็จสำคัญกว่าสัมภาระก็เป็นรับจ้างทำของ แต่ถ้าไม่สำคัญกว่าก็เป็นการซื้อขาย
การผลิตอิฐทนไฟไม่ว่าจะเป็นการผลิตแบบมาตรฐานหรือผลิตตามคำสั่งเป็นการเฉพาะราย วัตถุดิบหรือสัมภาระที่ใช้ได้แก่บล๊อกไซด์ ชามอส อลูมิน่า ดินทนไฟ นำมาผสมกัน เติมด้วยสารเคมีแล้วนาไปอัดเป็นรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นจึงนำไปเผาไฟ จึงเห็นได้ว่าอิฐทนไฟที่ผลิตหาได้มีความสำคัญไปกว่าสัมภาระหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตไม่ การผลิตอิฐทนไฟตามคำสั่งเฉพาะรายของลูกค้าจึงมิใช่เป็นการรับจ้างทำของ แต่เป็นการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟเช่นเดียวกับอิฐทนไฟแบบมาตรฐานนั่นเอง ดังนั้นรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟตามคำสั่งของลูกค้าเป็นการเฉพาะราย จึงต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 1.การขายของ ชนิด 1 (ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 7 เช่นเดียวกับรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน มิใช่เสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 4.การรับจ้างทำของ ชนิด 1 (ฉ) ในอัตราร้อยละ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยอ้างว่าการเสียภาษีการค้าประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ และ ๒๕๒๒ ของโจทก์ โดยนำรายรับจากการผลิตอิฐทนไฟไปเสียภาษีการค้าบางส่วนไว้ตามประเภทการค้า ๔. การรับจ้างทำของ ชนิด ๑ (ฉ) ในอัตราร้อยละ ๒ เป็นการเสียภาษีผิดประเภทการค้าและได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าตามาประเภทการค้า ๑. การขายของชนิด ๑ (ก) ในอัตราร้อยละ ๗ โจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องจึงอุทธรณ์การประเมินคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยให้การว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ประกอบกิจการค้าเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟ โจทก์นำรายรับแยกเสียภาษีการค้าออกเป็น ๒ ประเภทคือ การผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน โจทก์นำรายรับจากการจำหน่ายเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า ๑.การขายของ ชนิด ๑ (ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๗ ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นการผลิตอิฐทนไฟตามคำสั่งของลูกค้าเป็นการเฉพาะรายที่ต้องการอิฐทนไฟที่มีแบบ ขนาดและการทนความร้อนสูงกว่าอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน โจทก์นำรายรับจากการจำหน่ายเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า ๔.การรับจ้างทำของ ชนิด ๑ (ฉ) ตามบัญชีอัตราการค้าในอัตราร้อยละ ๒ โดยอ้างว่าเป็นการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟในลักษณะของการรับจ้างทำของ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อแตกต่างระหว่างการซื้อขายและการรับจ้างทำของนั้นหาได้อยู่ที่เจตนาและกริยาของคู่กรณีที่ประพฤติต่อกันแต่ประการเดียวไม่ แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องพิจารณาว่าสัมภาระกับการงานที่รับทำจนสำเร็จนั้นสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน ถ้าการงานที่รับทำจนสำเร็จสำคัญกว่าสัมภาระก็เป็นการรับจ้างทำของ แต่ถ้าไม่สำคัญกว่าก็เป็นการซื้อขายสำหรับการผลิตอิฐทนไฟไม่ว่าจะเป็นการผลิตแบบมาตรฐานหรือผลิตตามคำสั่งเป็นการเฉพาะรายนั้น วัตถุดิบหรือสัมภาระที่ใช้ในการทำอิฐทนไฟได้แก่บล๊อกไซด์ ชามอส อลูมิน่า ดินทนไฟ นำมาผสมกันเติมด้วยสารเคมี แล้วนำไปอัดเป็นรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นจึงนำไปเผาไฟ จึงเห็นได้ว่าอิฐทนไฟที่ผลิตหาได้มีความสำคัญไปกว่าสัมภาระหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตไม่ การผลิตอิฐทนไฟตามคำสั่งเฉพาะรายของลูกค้าจึงหาใช่เป็นการรับจ้างทำของไม่ แต่เป็นการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟเช่นเดียวกับอิฐทนไฟแบบมาตรฐานนั่นเอง ดังนั้นรายรับที่ได้จากการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟตามคำสั่งของลูกค้าเป็นการเฉพาะรายจะต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า ๑.การขายของ ชนิด ๑ (ก) ตามบัญชีอัตราภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๗ เช่นเดียวกับการผลิตและจำหน่ายอิฐทนไฟแบบมาตรฐาน จะนำแยกเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า ๔. การรับจ้างทำของชนิด ๑ (ฉ) ในอัตราร้อยละ ๒ หาได้ไม่
พิพากษายืน.

Share