แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดอยู่บนเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน และโจทก์ให้การว่าที่ที่โจทก์นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพียงโจทก์แถลงรับว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นที่ดินซึ่งอยู่บนเกาะกลางน้ำมีน้ำในแม่น้ำล้อมรอบ ยังไม่พอฟังว่าที่รายพิพาทเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ และกรณีไม่เข้าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1309 เพราะโจทก์ยังโต้เถียงอยู่ว่าทรัพย์สินรายพิพาทเป็นของจำเลย และเกาะต่าง ๆ หาใช่ทรัพย์สินของแผ่นดินทั้งหมดไม่ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องนำสืบกัน
ย่อยาว
ผู้ร้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดอ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำเรียกว่าเกาะค้อ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน รัฐบาลได้มีประกาศห้ามมิให้ผู้ใดเข้ายึดถือทะำประโยชน์
โจทก์ให้การว่า ที่สวนจากที่โจทก์นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ถือสิทธิเป็นเจ้าของ
โจทก์แถลงรับในรายงานว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นที่ดินซึ่งอยู่บนเกาะค้า ๆ ตั้งอยู่กลางน้ำมีน้ำในแม่น้ำตรังล้อมรอบ
ศาลชั้นต้นสืบตัวผู้ร้อง ๑ ปากแล้วสั่งงดสืบพยานผู้ร้องและโจทก์ วินิจฉัยว่า เกาะค้อเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ที่ที่โจทก์นำยึดอยู่บนเกาะค้อ จึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินด้วย จึงยึดไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ พิพากษาให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ปรากฏตามคำแถลงรับของโจทก์เพียงว่า ที่รายพิพาทเป็นที่ดินซึ่งอยู่บนเกาะค้อตั้งอยู่กลางแม่น้ำ มีน้ำในแม่น้ำล้อมรอบ ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่พอฟังว่าที่รายพิพาทเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ และเห็นว่ากรณีไม่เข้าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๙ เพราะโจทก์ยังโต้เถียงอยู่ว่าทรัพย์สินรายพิพาทเป็นของจำเลย และจะเห็นได้ว่าเกาะต่าง ๆ ในประเทศซึ่งราษฎรถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองก็มีอยู่เป็นอันมาก หาใช่ทรัพย์สินของแผ่นดินทั้งหมดไม่ จึงเป็นข้อที่จะต้องนำสืบดังโจทก์ฎีกามา พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่