คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี โดยฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระบุแต่ชื่อจำเลยที่ 1 ทนายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ลงชื่อในอุทธรณ์และคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องไว้แล้ว ต่อมาเมื่อพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอระบุชื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ดังนี้ เมื่อคำร้องของจำเลยมิได้อ้างเหตุขึ้นมาใหม่ คงอ้างแต่เพียงว่าฟ้องอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วเป็นฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียวนั้นเพราะพิมพ์ผิดพลาดไป อีกทั้งข้อความในฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ยื่นพร้อมอุทธรณ์มีข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 จริง ศาลอุทธรณ์ย่อมอนุญาตตามคำร้องของจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเข้าหุ้นกันตั้งโรงสีข้าว มีจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของ และจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นลูกจ้าง โจทก์ขายข้าวเปลือกให้โรงสีแห่งนี้เป็นเงิน 53,300 บาท โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้รับข้าวเปลือก จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินแล้ว 13,300 บาท จำเลยทั้งสามได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินอีก 40,000 บาทให้โจทก์ โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ทั้งนี้ จำเลยทั้งสามได้ออกเช็คในขณะที่มีเงินอยู่ในบัญชีไม่ครบตามจำนวนเงินที่สั่งจ่ายและโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 40,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 และให้รับฟ้องในทางแพ่งที่ฟ้องจำเลยทั้งสาม

จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยมิได้เข้าหุ้นตั้งโรงสี จำเลยที่ 1 เช่าโรงสีจากจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เพียงเข้ามาช่วยทำงาน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2512 จำเลยที่ 1 โจทก์ นายเสรี และนายใช้เข้าหุ้นส่วนค้าข้าวสาร โดยโจทก์ นายเสรีและนายใช้ลงทุนข้าวเปลือก จำเลยที่ 1 ลงทุนรับสีข้าว เช็คตามฟ้องจำเลยที่ 1 ออกให้แก่โจทก์โดยไม่ลงวันสั่งจ่าย เพื่อให้โจทก์นำไปมอบให้ชาวนาเป็นประกันในการซื้อเชื่อข้าวเปลือกจากชาวนาเมื่อเดือนมิถุนายน 2512 ได้คิดบัญชีกันและได้หักเงินค่าข้าวเปลือกตามเช็คมอบให้แก่โจทก์ นายเสรีและนายใช้ไปแล้วแต่คนทั้งสามไม่คืนเช็คให้แก่จำเลยที่ 1 กลับนำเช็คไปขึ้นเงินแล้วฟ้องเป็นคดีนี้ ซึ่งไม่มีมูลหนี้ต่อกันแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสามเป็นหุ้นส่วนตั้งโรงสีข้าว จำเลยที่ 1 ออกเช็คชำระหนี้ค่าข้าวเปลือกแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 เจ็ดเดือน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี ฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระบุแต่ชื่อจำเลยที่ 1 แต่นายบรรพตทนายจำเลยทั้งสามเป็นผู้ลงชื่อในอุทธรณ์และคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และคำร้องไว้แล้วต่อมาจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องขอระบุชื่อจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์อนุญาต

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คชำระหนี้ค่าข้าวเปลือกมิใช่เพื่อค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ เป็นความผิดทางอาญา และต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในคดีส่วนแพ่ง

จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะคดีส่วนแพ่ง คดีส่วนอาญาจึงเป็นอันถึงที่สุด

โจทก์ฎีกาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินและคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงในฟ้องอุทธรณ์

ศาลฎีกาเชื่อว่าเช็คตามฟ้องจำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์เพื่อชำระราคาข้าวเปลือกที่โจทก์นำมาขายให้ จำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้เงินแก่โจทก์แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นหุ้นส่วนกัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้เพิ่มชื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในฟ้องอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ เพราะจำเลยยื่นคำร้องในเรื่องนี้เมื่อพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว เห็นว่าจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องอุทธรณ์โดยอ้างเหตุขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด จำเลยคงอ้างแต่เพียงว่า ฟ้องอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้แล้วเป็นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม แต่ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 ผู้เดียวนั้นเพราะพิมพ์ผิดพลาดไป ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ฟ้องอุทธรณ์แล้วมีความเห็นว่าเป็นฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ด้วย จึงสั่งอนุญาตตามคำร้อง ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพราะข้อความในฟ้องอุทธรณ์ที่ว่าจำเลยทั้งสามมิได้เป็นหุ้นส่วนกัน จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดหนี้ตามเช็คแต่ผู้เดียว ศาลจะบังคับให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องรับผิดด้วยหาชอบไม่นั้นเป็นข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ที่ลงนามในฟ้องอุทธรณ์ คือ นายบรรพตผู้เป็นทนายให้จำเลยทั้งสามคน ยังปรากฏตามคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีที่ยื่นพร้อมฟ้องอุทธรณ์ด้วยว่าจำเลยทั้งสามได้ยื่นอุทธรณ์มาพร้อมกันนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 จริง

พิพากษายืน

Share