แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์และคลอดบุตรคือเด็กชาย บ. ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและรับเด็กชาย บ.เป็นบุตรรพร้อมทั้งให้มีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยกับเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรด้วยนั้น แม้บิดาโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจกท์และศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องเพราะบิดาโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยมิได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ ย่อมไม่ทำให้หลักฐานของคดีโจทก์ในเรื่องนี้เสียไป
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนตั้งครรภ์ ทำให้ค่าของความเป็นสาวต้องตกต่ำ และค่าใช้จ่ายในการคลอด กับแสดงว่าเด็กชาย บ. เป็นบุตรของจำเลยมีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย บ.ตั้งแต่คลอดจนถึงวันฟ้องและจ่ายต่อไปเป็นรายเดือนจนกว่าเด็กชาย บ.จะมีอายุครบ 20 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ค่าเสียหายตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอายุความมาในคำแก้อุทธรณ์ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาต่อมา จำเลยก็มิได้ยื่นคำแก้ฎีกาจึงไม่ประเด็นเครื่องอายุความในชั้นฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยฉุดคร่าอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์และคลอดบุตรคือเด็กชาย บ๋อ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ทำให้โจทก์เสียความบริสุทธิ์ ๑๐,๐๐๐ บาท ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร ๒,๐๐๐ บาท และให้พิพากษาให้จำเลยรับเด็กชายบ๋อตั้งแต่เกิดจนถึงวันฟ้องรวม + ปีเศษเป็นเงิน ๑๖,๒๐๐ บาท และอีกเดือนละ ๓๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
จำเลยให้การว่าไม่ได้ข่มขืนกระทำขำเราโจทก์ โจทก์ตั้งครรภ์และมีบุตรอย่างไรจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ค่าเสียหายฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฝ่ายโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา แม้ผลที่สุดของคดี ศาลฎีกาจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๘๘/๒๕๑๔ ก็ตาม ก็ไม่ทำให้หลักฐานของคดีโจทก์ในเรื่องนี้เสียไป เพราะเป็นการยกฟ้องโดยโจทก์ในคดีอาญานั้น คือบิดามิได้สมรสกับมารดาโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่ และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเด็กชายบ๋อเป็นบุตรของจำเลยซึ่งเกิดจากการที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ดังฟ้อง
สำหรับปัญหาว่าโจทก์สมควรได้ค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อเป็นเงินเท่าไรนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไป ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์อายุเพียง ๑๕ ปีเศษ เมื่อถูกจำเลยข่มขืนจนมีครรภ์ ค่าของความเป็นสาวย่อมตกต่ำ จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีชายใดประสงค์จะแต่งงานด้วย อนาคตของโจทก์ต้องสูญเสียไปอย่างแก้ไม่ได้ ดังนั้นที่โจทก์เรียกร้องเอาจากจำเลย ๑๐,๐๐๐ บาท กับค่าใช้จ่ายในการคลอดอีก ๒,๐๐๐ บาทจึงเป็นการสมควรแล้ว และการที่โจทก์ต้องใช้จ่ายเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อนับแต่คลอดถึงขณะฟ้องเป็นเวลา ๔ ปี ๖ เดือนเป็นเงิน ๑๖,๒๐๐ บาท หรือเพียงวันละ ๙ บาทเศษก็ไม่มากจนเกินไป กับการที่โจทก์จะขอให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อในอัตราเดือนละ ๓๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าเด็กชายบ๋อจะบรรลุนิติภาวะก็ย่อมเป็นการสมควรเช่นเดียวกัน และในระหว่างเป็นผู้เยาว์อยู่นี้เห็นควรให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ ส่วนที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าค่าเสียหาตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความแล้วนั้น ปรากฏว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ตั้งประเด็นในเรื่องอายุความมาในคำแก้อุทธรณ์ ในชั้นฎีกาจำเลยก็มิได้ยื่นคำแก้ฎีกาจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับว่า เด็กชายบ๋อ ส้มแก้ว เป็นบุตรของนายจำลอง สระบัวจำเลย เกิดกับนางลิ้นจี่ ส้มแล้วโจทก์ มีสิทธิใช้นามสกุล “สระบัว” ของจำเลย และให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์อยู่ ให้จำเลยจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูเป็นเงิน ๑๖,๒๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อเป็นรายเดือน ๆ ละ ๓๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าเด็กชายบ๋อจะมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๒,๐๐๐ บาท
(ยิ่งศักดิ์ กฤษณจินดา วิกรม เมาลานนท์ สุธี ชอบธรรม)