แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ โดยตั้งโรงงานประกอบอุตสาหกรรมยาสูบในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราชจำเลยไปซื้อยาเส้นจากชาวไร่ที่บ้านของชาวไร่ในอำเภอท่าศาลาจังหวัดเดียวกัน ยาเส้นดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบเพราะเป็นยาเส้นที่ชาวไร่ผลิตได้จำเลยกำลังขนย้ายยาเส้นนี้ไปยังสถานที่ประกอบการค้าของตนเพื่อดำเนินการก่อนนำออกขาย ระหว่างทางถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งยาเส้นที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ตามพระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ.2509 มาตรา 24 จำเลยจึงไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมียาเส้นไว้เพื่อขาย รวมน้ำหนัก 590 กิโลกรัม ซึ่งจะต้องปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายเป็นเงิน 590 บาท แต่จำเลยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 24, 44, 50พระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2512 มาตรา 18 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า จำเลยมีความผิดเพราะกฎหมายมิได้ให้ความคุ้มครองในการที่จำเลยไปซื้อยาเส้นนอกโรงงาน ถึงแม้จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบโดยตั้งโรงงานประกอบอุตสาหกรรมยาสูบในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชจังหวัดนครศรีธรรมราช วันเกิดเหตุจำเลยไปซื้อยาเส้นของกลางจากนายเคล้าเพ็งจันทร์ นายเสรี เวทยาวงศ์ ซึ่งเป็นชาวไร่ที่บ้านนายเคล้า ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ยาเส้นดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบเพราะเป็นยาเส้นที่ชาวไร่ผลิตได้ จำเลยกำลังขนย้ายยาเส้นนั้นไปยังสถานที่ประกอบการค้าของจำเลยเพื่อดำเนินการก่อนนำออกขาย ระหว่างทางถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ดังนี้ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีไว้เพื่อขายซึ่งยาเส้นที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง จำเลยไม่มีความผิด
พิพากษายืน