คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของ ป. คดีได้ความแต่เพียงว่าความเสียหายเกิดเพราะ จ. ขับรถยนต์ของ ป. ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบให้รับฟังได้ว่า จ. ขับรถยนต์ของ ป. ไปในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับ ป. อันจะเป็นเหตุให้ ป. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของ จ. เมื่อ ป. ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ช.บ.18851ของนายวิบูลย์ ณรงศักดิ์ ไว้ในวงเงิน 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2513ถึงวันที่ 27 มกราคม 2514 เป็นการรับประกันภัยแบบชดใช้ความเสียหายโดยสิ้นเชิงจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ม.03255 ของบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด เมื่อระหว่างคืนวันที่ 30 ติดต่อกับวันที่ 31 พฤษภาคม2513 นายจือฉุ้ง แซ่กัง ได้ขับรถยนต์คันที่บริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด ประกันภัยไว้กับจำเลย โดยขับรถไปตามถนนมิตรภาพจากจังหวัดนครราชสีมา โฉมหน้าไปทางนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ โดยขับมาด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ระมัดระวังหลบหลีกรถยนต์คันที่นายวิบูลย์ได้ประกันภัยไว้กับโจทก์ ซึ่งจอดอยู่ทางด้านซ้ายของทางที่รถจำเลยวิ่งไป โดยมีรถตำรวจทางหลวงจอดให้สัญญาณไฟอยู่ข้างหน้า นายจือฉุ้งได้ขับรถเข้าชนรถตำรวจทางหลวงที่จอดอยู่แล้วพุ่งเข้าชนรถของนายวิบูลย์โดยแรง รถของนายวิบูลย์กระเด็นไปกระแทรกรถยนต์คันอื่นที่จอดอยู่ ทำให้รถของนายวิบูลย์เสียหายยับเยินทั้งคัน เหตุเกิดในระหว่างอายุสัญญาประกัน โจทก์จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย รถของนายวิบูลย์เสียหายเกินกว่าจำนวนที่เอาประกันภัยไว้โจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้นายวิบูลย์ไป 50,000 บาท เต็มตามกรมธรรม์ประกันภัยโจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิและเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่ชดใช้ให้จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดแต่มูลละเมิด โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้น 1 ปีนับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าเสียหาย จึงขาดอายุความจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใดกับบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด คดีได้ความแต่เพียงว่านายจือฉุ้งขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.ม.03255 ซึ่งเป็นรถยนต์ของบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัดและได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบให้รับฟังได้ว่านายจือฉุ้งได้ขับรถยนต์ของบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด คันนี้ไปในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด จึงฟังไม่ได้ว่าบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัดเจ้าของรถยนต์คันนี้มีนิติสัมพันธ์กับนายจือฉุ้ง อันจะเป็นเหตุให้บริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด จะต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของนายจือฉุ้ง จำเลยเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุน จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่บริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด จะต้องรับผิดชอบ เมื่อบริษัทประมวลสรรพกิจ จำกัด ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัย จึงไม่ต้องรับผิดด้วย คดีไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีกต่อไป

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share