แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การใช้รถยนต์บรรทุกของผ่านทางภารจำยอมซึ่งเดิมเคยใช้เป็นทางเดิน ใช้เกวียนและรถสาลี่บรรทุกของผ่านนั้น เป็นการใช้ทางภารจำยอมสัญจรตามปกติ ไม่เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1388
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยล้อมรั้วและปักเสาปลูกต้นไม้ทำให้ทางการจำยอมที่โจทก์เคยใช้เดินใช้เกวียนและรถยนต์บรรทุกของเข้า ออกมานานแล้วแคบลง ทำให้โจทก์นำรถยนต์และเกวียนเข้าออกไม่ได้ ขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม และให้จำเลยรื้อรั้วถอนเสาและต้นไม้ออกจากทางเพื่อให้เป็นทางกว้างตามเดิม
จำเลยให้การว่า โจทก์อาศัยเดินผ่านที่ดินของจำเลยโดยจำเลยสงวนสิทธิ์ในทางเดิน โจทก์ใช้ทางเดินติดต่อกันไม่ถึง ๑๐ ปี ทางพิพาทจึงไม่เป็นภารจำยอม หากเป็นทางภารจำยอมโจทก์ไม่เคยใช้รถยนต์แล่นในทางพิพาท การที่โจทก์ใช้รถยนต์แล่นผ่าน เป็นการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ที่ดินจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าทางพิพาทเป็นภารจำยอม ให้จำเลยรื้อรั้ว ถอนเสา และต้นไม้ออกให้มีทางกว้าง ๗ ศอกตามเดิม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอม และการที่โจทก์ทั้งสองใช้รถยนต์บรรทุกของผ่านทางภารจำยอม ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นทางเดินใช้เกวียนและรถสาลี่บรรทุกของผ่านนั้น เป็นการใช้ทางภารจำยอมสัญจรตามปกติ ไม่เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๘
พิพากษายืน