คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ออกหมายเรียกโจทก์ผู้อุทธรณ์มาไต่สวนได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนโจทก์รับหมายเรียกแล้วไม่ไปชี้แจงและรับการไต่สวนโดยไม่มีเหตุสมควร โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาล ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2),33

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอ้างว่าโจทก์ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมพร้อมทั้งให้เสียเงินเพิ่มด้วย โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์โจทก์เสียภาษีเงินได้โดยถูกต้องแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ห้ามมิให้จำเลยเรียกเก็บภาษีตามฟ้องจากโจทก์

จำเลยให้การว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวน โจทก์รับหมายเรียกแล้วไม่มาชี้แจงและรับการไต่สวนโดยไม่มีเหตุสมควร โจทก์หมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลตามประมวลรัษฎากร มาตรา 33 คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้รับหมายเรียกจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่เรียกโจทก์มาไต่สวนแล้ว แต่โจทก์ขัดขืนไม่มาให้ถ้อยคำหรือรับการไต่สวนโดยไม่มีเหตุสมควรจึงหมดสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา 33 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งอุทธรณ์คัดค้านการประเมินภาษีอากรนั้น จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์ผู้อุทธรณ์มาไต่สวนได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32 การที่จำเลยที่ 2 ออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และการที่นายจ้างเองกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์จะต้องไปให้ถ้อยคำหรือรับการไต่สวนนั้น ก็มิใช่เป็นการเฉพาะตัวเหมือนกับหมายเรียกบุคคลมาเป็นพยานศาล เพราะนายจ้างเองอาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปให้ถ้อยคำหรือชี้แจงแทนได้ ซึ่งข้อนี้นายจ้างเองก็ทราบดีเพราะเคยมอบอำนาจให้นายสวัสดิ์ทนายความเป็นผู้ชี้แจงแทนมาครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งจำเลยที่ 2 มีหนังสือเตือนก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วด้วย ข้อที่โจทก์อ้างว่านายจ้างเองอยู่ในวัยชราและเจ็บป่วย จึงไม่เป็นเหตุที่จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ ฉะนั้น เมื่อกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ไม่ไปให้ถ้อยคำหรือมอบอำนาจให้ผู้ใดไปชี้แจงแทนดังกล่าว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลได้ตามบทบัญญัติมาตรา 30(2),33 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลแล้วฎีกาของโจทก์ที่คัดค้านว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้ของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เพราะโจทก์หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินภาษีเงินได้รายพิพาทขึ้นโต้แย้งเป็นคดีต่อศาลแล้ว

พิพากษายืน

Share