คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้บันทึกท้ายทะเบียนการหย่าจะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374โจทก์เป็นคู่สัญญาในบันทึกดังกล่าวโดยตรงกับจำเลยในการยกทรัพย์สินให้แก่บุตร โจทก์ในฐานะคู่สัญญาจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยโอนทรัพย์สินให้แก่บุตรได้ ตามบันทึกการหย่าเพียงให้จำเลยอุปการะบุตรเท่านั้น หาใช่ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่ผู้เดียวไม่ อำนาจปกครองบุตรยังอยู่กับโจทก์ด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามตนเองได้ไม่จำต้องให้บุตรเรียกชำระหนี้จากโจทก์เพราะบุตรจะยอมรับทรัพย์สินหรือไม่ เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี การที่จำเลยฎีกาว่า รถยนต์และบ้าน จำเลยไม่เคยตกลงยกให้แก่บุตร บันทึกข้อตกลงที่เจ้าพนักงานทำขึ้นไม่ชอบเพราะไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลยเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม 2528 ได้จดทะเบียนหย่ากันโดยจำเลยสัญญาว่าจะโอนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ง-8606 กรุงเทพมหานครรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-3053 นครปฐม และบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 1ตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พร้อมทั้งทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในบ้านทั้งหมดให้แก่บุตรทั้งสองคือเด็กหญิงจารุณี ทุมทัน และเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทัน ภายในกำหนด 1 ปี แต่เมื่อครบกำหนด จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญากลับนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ง-8606 กรุงเทพมหานคร ราคา 120,000 บาทไปโอนขายให้แก่บุคคลภายนอกและนำบ้านดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองประกันเงินกู้ไว้กับธนาคารนครหลวงไทยจำกัด สาขานครชัยศรีโจทก์ไม่อาจบังคับจำเลยได้ ขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-3053 นครปฐม และปลดภาระจำนองบ้านเลขที่34/1 แล้วโอนกรรมสิทธิ์ทั้งรถยนต์และบ้านดังกล่าวให้แก่เด็กหญิงจารุณี ทุมทัน และเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทันหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 120,000 บาท แทนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ง-8606 กรุงเทพมหานครให้แก่เด็กหญิงจารุณี ทุมทันและเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทัน ทั้งนี้หากจำเลยไม่สามารถโอนทรัพย์สินให้แก่บุตรทั้งสองคนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแทนรวมทั้งสิ้น 180,000 บาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-3053 นครปฐม และบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 1ตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม แก่เด็กหญิงจารุณี ทุมทัน และเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาให้จำเลยชำระเงินแก่เด็กหญิงจารุณี ทุมทัน และเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทัน จำนวน120,000 บาท แทนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน 4ง-8606กรุงเทพมหานคร หากไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียนก-3053 นครปฐม และบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 1 ตำบลบางแก้วอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมได้ก็ให้ชำระราคาแทนเป็นเงิน40,000 บาท และ 20,000 บาท ตามลำดับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยามีบุตรด้วยกันสองคนคือเด็กหญิงจารุณีทุมทัน และเด็กหญิงจารุพรรณ ทุมทัน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2528โจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน และได้ทำบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าไว้ว่า โจทก์จำเลยตกลงให้จำเลยเป็นผู้อุปการะบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง และเกี่ยวกับทรัพย์สินได้ตกลงกันว่า จำเลยจะยกรถยนต์ 2 คัน และบ้านอีก 1 หลัง ให้แก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนภายในกำหนด 1 ปี มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า การที่โจทก์จำเลยทำบันทึกยกทรัพย์สินให้แก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนนั้น เป็นการทำสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอก จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นได้เห็นว่าแม้บันทึกดังกล่าว จะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 แต่โจทก์ก็เป็นคู่สัญญาในบันทึกโดยตรงกับจำเลย ในการยกทรัพย์สินให้แก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสอง โจทก์ในฐานะคู่สัญญาจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยโอนทรัพย์สินนั้นให้แก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองได้ ข้อที่จำเลยฎีกาต่อไปว่าจำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตามบันทึก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เองได้ แต่เป็นเรื่องของบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแล้วเห็นว่า ข้อความในข้อ 2 ดังกล่าวเพียงให้จำเลยอุปการะบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเท่านั้น หาใช่ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแต่ผู้เดียวไม่ อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองยังอยู่กับโจทก์ด้วย โจทก์มีอำนาจฟ้องในนามของตนเองได้ไม่จำต้องให้บุตรผู้เยาว์ทั้งสองเรียกชำระหนี้จากโจทก์ เพราะบุตรผู้เยาว์ทั้งสองจะยอมรับทรัพย์สินหรือไม่เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี ส่วนที่จำเลยฎีกาว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก-3053 นครปฐม และบ้านเลขที่ 34/1 หมู่ที่ 1 ตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม จำเลยไม่เคยตกลงยกให้แก่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองบันทึกข้อตกลงที่เจ้าพนักงานทำขึ้นไม่ชอบเพราะไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน

Share