คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญา ในกรณีผิดสัญญานั้นเมื่อปรากฏพฤติการณ์และเหตุผลอันสมควรแล้ว ศาลจะให้รับผิดลดน้อยลงไม่เต็มตามสัญญาก็ได้

ย่อยาว

จำเลยทำสัญญารับซื้อสุราของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์ไปจำหน่าย แต่จำเลยผิดสัญญา โดยซื้อสุราไปเป็นจำนวนน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญา โจทก์จึงฟ้องเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยตามสัญญาศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยตามสัญญาเป็นเงินรวม 69,220 บาท แต่ให้หักเงินมัดจำที่จำเลยวางไว้ 3,000 บาท คงให้จำเลยชำระค่าปรับเพียง 66,220 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาต่อมา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

“ศาลทั้ง 2 วินิจฉัยฟังว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดใช้ค่าปรับให้โจทก์ชอบแล้ว แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลทั้งสองให้ปรับจำเลยเต็มตามสัญญานั้นเป็นการเกินสมควรไป เพราะปรากฏว่าในคราวเดียวกันนี้มีนายยิ้มอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ขายส่งสุราในจังหวัดสงขลา ได้ทำผิดสัญญา โดยซื้อสุราไม่ครบจำนวนตามสัญญาเช่นเดียวกับรายของจำเลย และได้ถูกกรมโรงงานอุตสาหกรรมสั่งปรับเช่นเดียวกัน แต่เรื่องนั้นทางการประนีประนอมลดค่าปรับให้นายยิ้มลงเป็นจำนวนมาก และตามคำนายนิตย์ ใบเงิน ผู้อำนวยการโรงงานสุราพยานโจทก์ว่า เคยเสนอความเห็นไปว่า เมื่อทางการประนีประนอมลดค่าปรับให้นายยิ้มแล้วสำหรับรายจำเลยนี้ก็ควรประนีประนอมให้เช่นเดียวกัน นอกนั้นตามสัญญา ในเรื่องนี้ปรากฏว่าจำเลยต้องเสียเงินค่าเกินเปล่าให้โจทก์ถึง 4 แสนบาทเศษ และยังข้อสัญญาผูกมัดอื่น ๆ อีกหลายประการ ซึ่งไม่ปรากฏว่า จำเลยได้ทำผิดสัญญาแต่อย่างใดนอกจากเรื่องซื้อสุราไม่ครบตามจำนวนนี้เท่านั้น เมื่อพิเคราะห์ตามพฤติการณ์และเหตุผลต่าง ๆ แล้วเห็นสมควรให้จำเลยรับผิดใช้ค่าปรับเป็นเงินเพียง 40,000 บาท ทั้งนี้โดยคิดหักเงินค่ามัดจำที่จำเลยวางไว้ 3,000 บาท ให้แล้วด้วย

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าปรับ 40,000 บาท (สี่หมื่นบาท) ให้โจทก์”

Share