แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำผิดในคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2544 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ลงโทษปรับในความผิดต่อ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในคดีดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปีกลับมากระทำความผิดอีกตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ละเมิดลิขสิทธิ์โดยนำแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (เอ็มพี ๓) ที่บันทึกเสียงเพลง จำนวน ๕๔๖ แผ่น ออกขายและเสนอขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าโดยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นซีดีรอมดังกล่าวเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย นอกจากนี้จำเลยได้ประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายแผ่นซีดีรอม (เอ็มพี ๓) ทั้งนี้จำเลยไม่ได้ใบอนุญาตจากนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานคร และไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมแผ่นซีดีรอม (เอ็มพี ๓) ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของกลาง ก่อนหน้านี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษปรับในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๔ ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๙๒๕/๒๕๔๔ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.๘๘๘/๒๕๔๔ จำเลยได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบ ๕ ปี นับแต่วันพ้นโทษ กลับมากระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ มาตรา ๔ , ๖ , ๘ , ๑๕ , ๓๑ , ๗๐ , ๗๓ , ๗๕ , ๗๖ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๓๐ มาตรา ๔ , ๖ , ๓๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๓๓ , ๙๑ ให้แผ่นซีดีรอม (เอ็มพี ๓) ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย และวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายดำที่ อ.๙๒๕/๒๕๔๔ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๘๘๘/๒๕๔๔ ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๑) , ๗๐ วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๓๐ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง , ๓๔ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ระวางโทษเป็นสองเท่าตามมาตรา ๗๓ จำคุก ๓ ปี และปรับ ๗๐๐,๐๐๐ บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๓ ปี และปรับ ๗๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน และปรับ ๓๖๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐ ให้แผ่นซีดีรอม (เอ็มพี ๓) ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ทราบว่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์เป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น และเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยชอบที่จะนำออกให้เช่าหรือจำหน่ายได้นั้นเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางและขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า แผ่นซีดีรอม (เอ็มพี ๓) ของกลางมีจำนวน ๕๔๖ แผ่น สถานที่ประกอบกิจการของจำเลยเป็นเพียงแผงลอย การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยมานั้นหนักเกินไป ยังไม่เหมาะสมแก่พฤติการณ์ของการกระทำความผิด สมควรแก้ไขโทษให้น้อยลง อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้ลงโทษปรับในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๔ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ก่อนที่จะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในคดีดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงมิใช่ผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปีกลับมากระทำความผิดอีกตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ จึงไม่อาจระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าสำหรับความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ระวางโทษจำเลยเป็นสองเท่าสำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ โดยความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้า ให้จำคุก ๘ เดือน และปรับ ๑๔๐,๐๐๐ บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปและวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๘ เดือน และปรับ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๔ เดือน และปรับ ๗๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติประจำศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ๔ เดือนต่อครั้ง มีกำหนด ๑ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.
นายวิวัฒน์ วงศ์กิตติรักษ์ ผู้ช่วยฯ
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายไมตรี ศรีอรุณ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ