คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จะถือว่าผู้ใดดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงในการค้าประเวณีจะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพเมื่อโจทก์ไม่นำสืบถึงความข้อนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 286 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 10 ให้จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นผู้ชักชวนผู้ที่มาเที่ยวให้ร่วมประเวณีกับหญิงโสเภณีซึ่งอยู่ในซ่องและเดินเข้าออกประตูซ่องเพื่อดูต้นทางด้วย จำเลยนำสืบปฏิเสธว่า จำเลยมีอาชีพขับรถรับจ้างส่งคนโดยสารมาประมาณ 10 ปีเศษ มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัววันเกิดเหตุขับรถไปส่งคนโดยสารที่ซ่องเกิดเหตุแล้วไปนั่งที่ม้าหินใกล้ที่เกิดเหตุและถูกจับดำเนินคดีนี้

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการที่จะถือว่าผู้ใดดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงในการค้าประเวณี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 นั้น จะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพ ตามมาตรา 286 วรรคสองด้วย แต่โจทก์ไม่นำสืบถึงความข้อนี้เลย เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีดังโจทก์ฟ้องคดีไม่มีทางลงโทษจำเลย”

พิพากษายืน

Share