แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ต้นมะพร้าวของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยฟันปลูกอยู่ในสวนตาม แนวเขตที่ดินของผู้เสียหายรวมกับต้นมะพร้าวอื่นเป็นแนวเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาชีพอะไรและสวนดังกล่าวของผู้เสียหาย เป็นสวนมะพร้าวโดยเฉพาะหรือสวนไม้เบญจพรรณ จึงฟังไม่ได้ว่า ต้นมะพร้าวที่ถูกฟันนั้นเป็นพืชที่ปลูกในการกสิกรรมของผู้เสียหาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๐๑/๒๕๐๕)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันโดยจำเลยใช้มีด ฟันต้นมะพร้าว ๑ ต้น อันเป็นพืชพันธ์สำหรับประกอบกสิกรรมและได้มาจากการ กสิกรรมของผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพทำสวนมะพร้าวจนลำต้นขาดตายไร้ประโยชน์ แล้วใช้มีดนั้นเงื้อฟันเด็กหญิง ก. ซึ่งพบเห็นเหตุการกระทำของจำเลย แต่จำเลย กระทำไปไม่ตลอดเพราะเด็กหญิง ก. วิ่งหลบหนีทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๓๕๘, ๓๕๙, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๓๕๘, ๓๕๙, ๘๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้มีดตัดฟันต้นมะพร้าวของผู้เสียหายจริงแต่ที่ โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๙ นั้น วินิจฉัยว่า ต้นมะพร้าวที่ถูกฟันปลูกอยู่ในสวนตามแนวเขตที่ดินของผู้เสียหายรวมกันต้นมะพร้าว อื่นเป็นแนวเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาชีพอะไร และสวนของผู้เสียหาย เป็นสวนมะพร้าวโดยเฉพาะหรือสวนไม้เบญจพรรณ จึงฟังไม่ได้ว่าต้นมะพร้าวที่ ถูกฟันนั้นเป็นพืชที่ปลูกในการกสิกรรมของผู้เสียหาย และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามทำร้ายร่างกายเด็กหญิง ก.
พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘