คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2548

แหล่งที่มา :

ย่อสั้น

แผ่นซีดีเพลง แผ่นเอ็มพี 3 และแผ่นวิดีโอซีดีของกลาง แม้จะทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม แต่การจะสั่งให้ตกเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 75 ได้ ของกลางต้องยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กระทำความผิดมาตรา 70 ด้วย เมื่อคดีไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า จึงไม่อาจสั่งให้ของกลางตกเป็นของโจทก์ร่วมได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 31, 70, 75 และ 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6 และ 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 และ 91 ให้แผ่นซีดีเพลง แผ่นเอ็มพี 3 และ แผ่นวิดีโอซีดี รวม 98 แผ่น ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัท อาร์. เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ให้ของกลางตกเป็นของโจทก์ร่วม คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ที่บริเวณแผงลอยที่เกิดเหตุ ซีดีของกลางเป็นงานที่ได้กระทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม สำหรับคดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของโจทก์เฉพาะในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดดังกล่าวโดยการมีไว้เพื่อขาย เสนอขายซึ่งงานที่ได้กระทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม และโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือครอบครองแผงลอยที่เกิดเหตุและซีดีของกลาง แต่เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมแล้ว ไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยเป็นเจ้าของหรือครอบครองแผงลอยที่เกิดเหตุและซีดีของกลางจริงหรือไม่ โดยโจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบได้ความเพียงว่า โจทก์ร่วมสืบทราบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมที่ตลาดไนท์บาร์ซาร์และเมื่อไปถึงนายยอดชาย สุวรรณจักร เพียงผู้เดียวได้เดินเข้าไปที่แผงลอยที่เกิดเหตุเมื่อเห็นซีดีของกลางและสอบถามราคาจากจำเลยแล้ว นายยอดชายจึงเดินกลับมาบอกเจ้าพนักงานตำรวจที่ยืนคอยอยู่ห่างจากแผงลอยประมาณ 50 เมตร ซึ่งร้อยตำรวจเอกธราดล เหมพัฒน์ เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยไม่ได้เบิกความถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลย คงเป็นเพียงรับฟังตามที่นายยอดชายแจ้งให้ทราบเท่านั้น ทั้งยังเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านในข้อนี้ว่าก่อนที่จะมีการดำเนินคดีแก่จำเลย พยานได้ให้นายยอดชายไปทำการสืบให้แน่ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ก่อน ทั้งให้บอกตำหนิรูปพรรณของผู้กระทำความผิดด้วย แสดงว่าในขณะที่ไปถึงตลาดไนท์บาซาร์นั้น โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม โจทก์และโจทก์ร่วมจึงมีเพียงนายยอดชายเท่านั้นที่เบิกความว่า จำเลยเป็นผู้เสนอขายซีดีของกลาง ซึ่งลำพังการจับจำเลยได้ที่บริเวณแผงลอยที่เกิดเหตุยังไม่อาจถือเป็นยุติว่า จำเลยเป็นเจ้าของแผงลอยที่เกิดเหตุและซีดีของกลาง เพราะโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่ได้นำสืบว่า แผงลอยที่เกิดเหตุมีการทำสัญญาเช่าสถานที่หรือไม่และใครเป็นผู้เช่าแผงลอยที่เกิดเหตุดังกล่าว พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อย ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธมาโดยอ้างว่าจำเลยประกอบอาชีพรับซ่อมนาฬิกาไม่ได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ แต่จำเลยไปรอรับบุตรใกล้ที่เกิดเหตุโดยอยู่กับนายมงคล จักรอินทร์ ซึ่งเปิดร้านขายแว่นตาใกล้กับแผงลอยที่เกิดเหตุและนายมงคลได้มาเบิกความเป็นพยานจำเลยสนับสนุนความข้อนี้ด้วย สำหรับโจทก์และโจทก์ร่วมเองไม่ได้ถามค้านพยานจำเลยดังกล่าวให้ปรากฏข้อพิรุธเช่นใดเลย พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง สำหรับแผ่นซีดีเพลง 8 แผ่นเอ็มพี 3 จำนวน 37 แผ่น และแผ่นวิดีโอซีดี 53 แผ่น ของกลาง แม้จะทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่การจะสั่งให้ตกเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 75 ได้ ของกลางต้องยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กระทำผิดตามมาตรา 70 ด้วย เมื่อคดีไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า จึงไม่อาจสั่งให้ของกลางตกเป็นของโจทก์ร่วมได้”
พิพากษายืน แต่ให้ยกคำขอให้ของกลางตกเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

Share