แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกับกับคดีนี้มาแล้วโดยในคดีก่อนศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดหลังจากนั้นโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลในคดีก่อนและต่อมาก็ได้ยื่นคำให้การแก้ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ดังนี้แม้คดีที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้นศาลอุทธรณ์จะได้พิพากษาและคดีถึงที่สุดไปแล้วแต่เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก่อนยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นได้และจำเลยก็ได้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดกรณีจึงต้องถือว่าขณะโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่นั้นคดีก่อนของโจทก์ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173วรรคสอง(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 151,500 บาท แก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้โจทก์ทั้งสองเคยฟ้องจำเลยเรียกค่าใช้จ่ายและค่าทนายความกรณีเดียวกันนี้ต่อศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 160/2535แต่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกในเรื่องเดียวกันขณะฟ้องคดีแรกยังไม่ถึงที่สุดและยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์เพราะจำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นฟ้องโจทก์ทั้งสองคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อน ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยาน
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองเคยยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ในเรื่องเดียวกับคดีนี้มาแล้วตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 160/2535 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 2535 เนื่องจากโจทก์ทั้งสองขาดนัดพิจารณาไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ต่อมาวันที่ 7 กรกฎาคม 2535 โจทก์ทั้งสองจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ใหม่ ครั้นวันที่ 31 กรกฎาคม 2535จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 160/2535 ต่อศาลชั้นต้นไว้แล้ว ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2535จำเลยจึงได้ยื่นคำให้การแก้ฟ้องของโจทก์ทั้งสองในคดีนี้ ดังนี้แม้จะได้ความตามที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 160/2535 ที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นไปนั้นศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วและคดีถึงที่สุดก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะโจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องคดีก่อนยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นได้และต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2535 แล้วกรณีจึงต้องถือว่าขณะที่โจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ใหม่นั้นคดีก่อนของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 173 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น ฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 160/2535 ของศาลชั้นต้นดังกล่าวต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)
พิพากษายืน