คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2545/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งมีภรรยาและบุตรแล้ว นัดพบกับผู้เยาว์ซึ่งเป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.ศ.3 อายุ 16 ปี กำลังเรียนอยู่ และได้ร่วมประเวณีกันทุกครั้งที่พบกัน ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่อยู่ในฐานะที่จะเลี้ยงดูผู้เยาว์ฉันสามีภรรยาได้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 ป.ว. ฉบับที่ 11 ข้อ 12 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่มาสู่ศาลฎีกาคงมีว่า จำเลยได้พรากผู้เยาว์ดังฟ้องของโจทก์หรือไม่ โจทก์มีนายดาบตำรวจศรีทา ศรกิจว่า วันเกิดเหตุ นางสาวชไมพรผู้เยาว์ออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ ต่อมาเวลา 9 นาฬิกา อาจารย์ประจำชั้นได้โทรศัพท์มาบอกว่า นางสาวชไมพรไม่ได้ไปโรงเรียนและหายไป นายดาบตำรวจศรีทาจึงให้นางเหลาภรรยาไปตามนางเหลา ศรกิจ พยานโจทก์ว่าได้ออกไปตามนางสาวชไมพรที่โรงเรียนพบแต่รถจักรยานยนต์ ตามที่โรงพยาบาลก็ไม่พบ ไปหาที่วัดป่าศรีสำราญ เห็นจำเลยกับนางสาวชไมพรกำลังคลอเคลียกันอยู่ที่หน้าวัดเตรียมตัวจะกลับบ้านนางสาวชไมพร ศรกิจ พยานโจทก์ว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ก็เคยได้เสียกับจำเลยหลายครั้ง ชั้นสอบสวนนางสาวชไมพรยังได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่าเรียนอยู่ ม.ศ. 3 ครั้งแรกพบกับจำเลย ๆ ว่าคบกันฉันพี่น้อง ต่อมาก็คุยกันฉันชู้สาว จำเลยว่าจะเลี้ยงดูส่งเสียค่าเล่าเรียนนัดพบกันในที่เปลี่ยวหลายครั้ง และร่วมประเวณีกันทุกครั้งที่พบกัน เห็นว่าครั้งสุดท้ายนี้การที่จำเลยนัดนางสาวชไมพร คุยกันถึง 7 ชั่วโมงที่วัดป่าศรีสำราญนั้น เชื่อได้ว่าเป็นไปในทางชู้สาว พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ที่จำเลยว่านัดพบกันจริง แต่เพื่อปรึกษากันว่าจะเอาผู้ใหญ่มาสู่ขอนั้น นางสาวชไมพรผู้เยาว์กำลังเล่าเรียนอยู่เพียงชั้น ม.ศ.3 อายุเพียง16 ปี จำเลยมีภรรยาและบุตรแล้ว ไม่อยู่ในฐานะที่จะเลี้ยงดูผู้เยาว์ฉันสามีภรรยาไม่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่าเพื่อปรึกษากันในเรื่องเอาผู้ใหญ่มาสู่ขอ การกระทำของจำเลยทำให้ผู้เยาว์เสียอนาคต เสียชื่อเสียง ทำในสิ่งไม่ดีงามโดยไม่เลือกสถานที่ ที่จำเลยยื่นหนังสือขึ้นมาชั้นอุทธรณ์ ชั้นฎีกาว่าวันเกิดเหตุนางสาวชไมพรไปโรงเรียนตามปกติ โดยมีนางสาวมาลัย เสียงใต้ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีสิริเกศลงชื่อรับรองนั้น เห็นว่าหนังสือดังกล่าวเพิ่งมายื่นเอาในชั้นนี้ นางสาวมาลัยก็ไม่ได้มารับรองต่อศาล จำเลยก็ไม่ได้อ้างเมื่อสืบพยานจำเลย พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ คดีฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share