คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาและบุตร์ผู้เยาว์ลงชื่อเป็นผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ด้วยกัน แต่ในหนังสือไม่ได้ระบุว่ามารดากู้ในฐานะส่วนตัวหรือเป็นผู้แทนเด็กดังนี้ ต้องให้คู่ความนำสืบพะยานต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยกล่าวว่านางปริงในส่วนตัวและฐานะผู้ปกครองนายบุญมีและเด็กชายทองอ่อนทำหนังสือกู้เงินโจทก์ไป
ชั้นแรกจำเลยทั้ง ๓ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ ครั้นถึงเวลาชี้สองสถาน นางปริงรับว่ากู้จริง แต่เด็กอีก ๒ คนจะลงชื่อด้วยหรือไม่ ไม่ทราบ ต่อมาในวันพิจารณาเด็ก ๒ คนนั้นรับว่าได้ลงชื่อในสัญญากู้ แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้รับเงินและไม่ต้องรับผิด
ในหนังสือกู้มีข้อความว่านายชั้น นางปริง(มารดา) เด็กชายบุญมีอายุ ๑๔ ปี เด็กชายทองอ่อนอายุ ๑๒ ปี ได้กู้เงินไปจากโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่าในสัญญาจะแปลว่าในฐานะตัวเองและฐานะผู้ปกครองไม่ได้ คงแปลได้เพียงว่ามารดาและบุตร์ทำนิติกรรมร่วมกันซึ่งไม่ตรงกับประเด็นที่โจทก์ตั้งไว้ และไม่มีประเด็นว่านางปริงได้ให้ความยินยอมแก่เด็กทั้ง ๒ นั้นหรือไม่ จึงพิพากษาให้นางปริงใช้เงินแก่โจทก์ แต่ให้ยกฟ้องสำหรับเด็กทั้ง ๒
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามสัญญานั้นอาจแปลได้เป็น ๒ นัยว่านางปริงให้ความยินยอมแก่เด็กหรือทำแทนเด็ก ซึ่งแต่ละนัยเด็กต้องรับผิดทั้งนั้น จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้นางปริงรับผิดใช้เงินในฐานะส่วนตัวและผู้ปกครองเด็ก
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าในหนังสือสัญญาไม่ปรากฎว่า นางปริงกู้ในฐานะส่วนตัวอย่างเดียวหรือในฐานะมารดาด้วย จึงควรสืบพะยานกันต่อไป จึงยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไป

Share