คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2542/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โรงสีเป็นสถานที่แหล่งรับซื้อข้าวเปลือกแต่การที่จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ที่ ส. ลักเอามาขายให้ที่โรงสีของจำเลยนั้น มิใช่การซื้อจากร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งที่อยู่ในชุมนุมการค้า จึงไม่เป็นการซื้อทรัพย์ในท้องตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสวัสดิ์ได้ลักข้าวเปลือกจำนวน 100 กระสอบของโจทก์ไปขายให้จำเลยในราคา 18,000 บาท โจทก์ได้ไปขอข้าวเปลือกของโจทก์คืน จำเลยไม่ยอมคืนให้ ขอให้จำเลยคืนข้าวเปลือกให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถคืนได้ให้ใช้ราคาเป็นจำนวน 18,000 บาท

จำเลยให้การว่าได้ซื้อข้าวเปลือกจากนายสวัสดิ์โดยนายสวัสดิ์ส่งมอบข้าวเปลือกให้จำเลยที่โรงสีของจำเลย จำเลยซื้อไว้โดยสุจริตตามกิจวัตรประจำวันและตามอาชีพที่จำเลยดำเนินอยู่ จำเลยไม่ต้องใช้เงินแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

วันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า นายสวัสดิ์ลักข้าวของโจทก์ไปขายให้จำเลยตามฟ้อง ขณะจำเลยรับซื้อจำเลยไม่ทราบว่านายสวัสดิ์ลักข้าวเปลือกนั้นมา เพิ่งทราบภายหลังเมื่อโจทก์ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน นายสวัสดิ์เป็นหลานของโจทก์ไม่ใช่พ่อค้าขายข้าวเปลือกจำเลยซื้อข้าวเปลือกที่โรงสีของจำเลยไม่ใช่ท้องตลาด

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาให้จำเลยส่งมอบข้าวเปลือกตามฟ้องคืนให้โจทก์ คืนไม่ได้ให้ชำระราคา 18,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อเท็จจริงเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า โรงสีคือตลาดการค้าข้าวเปลือก โรงสีจึงเป็นท้องตลาดตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 หากโจทก์ประสงค์จะได้รับข้าวเปลือกคืน โจทก์จะต้องชดใช้ราคาที่จำเลยซื้อมา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาเช่นเดียวกับอุทธรณ์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โรงสีเป็นสถานที่แหล่งรับซื้อข้าวเปลือกแต่การที่จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ที่นายสวัสดิ์เอามาขายให้ที่โรงสีจำเลยนั้นจำเลยมิได้ซื้อจากร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งที่อยู่ในชุมนุมการค้า จึงไม่เป็นการซื้อทรัพย์ในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332

พิพากษายืน

Share