แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ มาตรา 4, 6, 34 และตาม ป.อ. มาตรา 287 และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงจากจำเลยได้ความว่า จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างรับจ้างจำหน่ายจึงไม่ต้องตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ มาตรา 6 ที่ประสงค์จะลงโทษเฉพาะผู้ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้ประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในรูปของค่าธรรมเนียมสมาชิกหรือด้วยวิธีการอื่นใด แต่ผู้ประกอบกิจการนั้นประกอบกิจการไปโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนก่อน ดังนี้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องและศาลชั้นต้นสอบโจทก์แล้ว โจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน ก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ ได้ ทั้งนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายด้วยประการใดๆ ซึ่งแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามกอันเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจและได้ประโยชน์ตอบแทนจากกิจการดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และจำเลยทั้งสองร่วมกันมีแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามก หนังสืออันเป็นสิ่งพิมพ์ลามกที่มีภาพชายหญิงเปลือยกายอวดอวัยวะเพศ แสดงการร่วมประเวณี ตลอดจนบรรยายข้อความเป็นเรื่องราวการร่วมเพศระหว่างชายหญิงในลักษณะอันลามก ไว้ในครอบครองเพื่อประสงค์แห่งการค้า เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมยึดแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามกและหนังสือลามกเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6, 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 287 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (ที่ถูกต้องระบุประกอบมาตรา 83) จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสองโดยให้มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลาคนละ 1 ปี ให้จำเลยทั้งสองกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยทั้งสองและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนดเวลาคนละ 20 ชั่วโมง ภายในกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 และ 34
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการเขต 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาขอเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายด้วยประการใดๆ ซึ่งแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามกโดยทำเป็นธุรกิจและได้ประโยชน์ตอบแทนจากกิจการดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 และจำเลยทั้งสองร่วมกันมีแถบบันทึกภาพลามก แผ่นซีดีบันทึกภาพลามก และหนังสือพิมพ์อันเป็นสิ่งพิมพ์ลามกไว้ในครอบครองเพื่อประสงค์แห่งการค้า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติประจำจังหวัดนนทบุรีสืบเสาะและพินิจพร้อมทั้งทำความเห็นเสนอต่อศาลและนัดฟังคำพิพากษา โจทก์มาศาลในวันนัดดังกล่าวศาลชั้นต้นแจ้งรายงานการสืบเสาะและพินิจให้จำเลยทั้งสองทราบ และสอบข้อเท็จจริงจากจำเลยทั้งสองแล้วจำเลยทั้งสองยืนยันว่าประกอบอาชีพรับจ้างเป็นพนักงานขายในร้านที่เกิดเหตุตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ศาลชั้นต้นสอบโจทก์แล้วแถลงไม่ติดใจสืบพยาน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าเมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพศาลจะต้องพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6, 34 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงจากจำเลยทั้งสองในวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วได้ความว่า จำเลยทั้งสองเป็นเพียงลูกจ้างรับจ้างจำหน่าย จึงไม่ต้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 ที่ประสงค์จะลงโทษเฉพาะผู้ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้ประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการในรูปแบบของค่าธรรมเนียมสมาชิกหรือด้วยวิธีการอื่นใด แต่ผู้ประกอบกิจการนั้นประกอบกิจการไปโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนก่อน ดังนี้ แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง ก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน