แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยมูลหนี้อะไร และโจทก์ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ดังที่จำเลยให้การตัดฟ้อง จำเลยกลับอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์มิได้นำสืบถึงการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายหรือนำสืบถึงมูลหนี้เช็คตามฟ้อง จึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่บริษัทโจทก์จดทะเบียนว่า กรรมการสองนายมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท หมายความว่า กรรมการ 2 คน ไม่ว่าชายหรือหญิงร่วมกันลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยจึงต้องรับผิดตามเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077 (2), 900
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาธนบุรี ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๑๖ จำนวนเงิน ๔๓,๐๓๓ บาท โดยจำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสามยอด เมื่อธนาคารเรียกเก็บเงินตามเช็ค ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาธนบุรี ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔๓,๐๓๓ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ผู้รับมอบอำนาจทั้งสองไม่มีอำนาจทำหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ และผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๔๓,๐๓๓ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะอุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ด้วยมูลหนี้อะไร และโจทก์ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ดังที่จำเลยให้การตัดฟ้อง จำเลยกลับอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์มิได้นำสืบถึงการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายหรือนำสืบถึงมูลหนี้เช็คตามฟ้อง จึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงมิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นมาแล้วในศาลอุทธรณ์ และไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลย นอกจากนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่บริษัทโจทก์จดทะเบียนว่ากรรมการสองนายมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท หมายความว่ากรรมการสองคนไม่ว่าเป็นชาย ๒ คน หญิง ๒ คน หรือชาย ๑ คนและ หญิง ๑ คน ร่วมกันลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ได้ นางสาวเลียบ เธียรประสิทธิ์ และนางกมลี สุโกศล ปัจฉิมสวัสดิ์ กรรมการบริษัทโจทก์จึงมีอำนาจลงชื่อร่วมกันแทนบริษัทโจทก์ได้ การที่นางสาวเลียบ เธียรประสิทธิ์ และนางกมลี สุโกศล ปัจฉิมสวัสดิ์ ร่วมกันลงชื่อมอบอำนาจให้นายวีระ ปิยะพัฒนกูล ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ ตามเอกสารหมาย จ.๓ จึงชอบด้วยข้อบังคับของบริษัทโจทก์แล้ว และเห็นว่าแม้จำเลยไม่เป็นหนี้โจทก์ แต่ห้างหุ้นส่วนสามยอดโทรทัศน์ซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นหนี้โจทก์ และออกเช็คตามเอกสารหมาย ล.๑๘ เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค เอกสารหมาย ล.๑๘ และโจทก์ให้พนักงานของโจทก์ไปทวงเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยก็ออกเช็คตามเอกสารหมาย จ.๑ ชำระหนี้ให้โจทก์แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดสามยอดโทรทัศน์ และจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจะต้องร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดในบรรดาหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๗ (๒) และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐ จำเลยต้องรับผิดตามเช็คเอกสารหมาย จ.๑ ที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้โจทก์
พิพากษายืน