แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยาน แม้ทนายโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาแต่เมื่อศาลสั่งไม่อนุญาต ก็ยังมีการนัดสืบพยานอยู่ และแม้ทนายโจทก์จะมาศาลในวันนั้นโดยมายื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานศาลขอเลื่อนการพิจารณา แต่ไม่อยู่เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำเลยแถลงไม่ติดใจให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 จำเลยจะอ้างว่าต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบและพิพากษายกฟ้องนั้นหาถูกต้องไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้กู้ และจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันใช้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ยรวม 43,750 บาท
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 พร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เคยกู้เงินโจทก์แต่ชำระหมดแล้ว ต่อมาบุตรโจทก์ให้จำเลยที่ 3 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ที่ 2 อีกโดยไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด
ในวันนัดสืบพยาน ฝ่ายจำเลยเว้นแต่จำเลยที่ 1 มาศาล ฝ่ายโจทก์ไม่มาศาลแต่มีคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาของทนายโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาและมีคำสั่งว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา จำเลยที่มาศาลแถลงไม่ติดใจดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ว่า ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าทนายโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแล้ว ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วจำหน่ายคดีไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบและพิพากษายกฟ้องนั้น เห็นว่า แม้ทนายโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาแต่เมื่อศาลสั่งไม่อนุญาต ก็ยังมีการนัดสืบพยานอยู่ และแม้ทนายโจทก์จะมาศาลในวันนั้นโดยมายื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาต่อเจ้าพนักงานศาลแต่ไม่อยู่เพื่อดำเนินกระบวนพิจารณา ก็ต้องถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความเว้นแต่จำเลยจะได้แจ้งต่อศาลว่าตนตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป ดังนั้นเมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณา และจำเลยแถลงไม่ติดใจดำเนินการพิจารณาต่อไปเช่นนี้ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้วฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน