คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องว่า นาพิพาทมารดายกให้ และโจทก์ได้ครอบครองโดยปรปักษ์มากว่า 10 ปีขอให้ศาลแสดงว่าเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า นาพิพาทตกเป็นมรดกได้แก่โจทก์จำเลย และโจทก์มิได้ ได้สิทธิในทางครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ศาลย่อมวินิจฉัยให้แบ่งกันได้ตามส่วน

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาท เดิมเป็นของตายายโจทก์ ครั้นตาตายแล้ว ต่อมายามยกที่พิพาทให้โจทก์ ๆ ได้ร่วมกันปกครองต่อมา บัดนี้ทราบว่าจำเลยโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยเป็นกรรมสิทธิที่ดินพิพาท จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องแย้งขอแบ่งที่บ้าน กับยุ้งข้าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่นา ๒ แปลงเป็นของจำเลย ส่วนที่บ้านแบ่งให้นายคำมี นางถุงเงินโจทก์ และจำเลยคนละส่วน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้แบ่งนา ๒ แปลงแก่นางบุญเกิด นางนวลจันทร์ นางถุงเงิน โจทก์และจำเลย รวม ๔ ส่วน คนละส่วน และแบ่งที่บ้านให้โจทก์และจำเลยรวม ๕ ส่วน คนละ ๑ ส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คงเห็นพ้องตามข้อวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ ข้อฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์ฟ้องนา ๒ แปลงนี้นางดียกให้ และโจทก์ได้ครอบครองโดยปรปักษ์มากว่า ๑๐ ปี มิได้กล่าวถึงเรื่องมรดกนางจูมมารดาเลย แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยและโจทก์รับมรดกต่อจากนางจูมมารดาโดยทำกินร่วมกันเป็นการขัดแย้งกับคำฟ้องโจทก์นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องอ้างเช่นนี้ ก็ประสงค์จะเอาที่พิพาทเป็นของตนมิให้ตกได้แก่จำเลย แต่ในชั้นพิจารณาปรากฎว่า ที่พิพาทเป็นมรดกมิได้ยกให้ใคร และโจทก์มิได้ได้สิทธิในทางครอบครองโดยปรปักษ์ดังกล่าว ศาลย่อมวินิจฉัยให้แบ่งปันได้ตามส่วน
จึงพิพากษายืน

Share