คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และเป็นน้องชายของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4ว่าจ้างโจทก์ทำถังเหล็กเก็บน้ำเพื่อไปติดตั้งที่โรงเรียนตามสัญญาซึ่งจำเลยที่ 1 ได้รับจ้างมาจากกรมสามัญศึกษา จำเลยที่ 1 ย่อมได้รับประโยชน์จากสัญญาที่จำเลยที่ 4 ทำกับโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 เป็นตัวแทน พฤติการณ์ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 4 ออกเป็นตัวแทนของตนเท่ากับจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ทำงานให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจ้างดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันชำระค่าจ้างโจทก์สร้างถังเหล็กเก็บน้ำ3 ถัง เป็นเงิน 157,500 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันที่โจทก์ส่งมอบงาน คือวันที่7 พฤษภาคม 2527 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 7,875 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยทั้งสี่ต้องชำระแก่โจทก์เป็นเงิน 165,375 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 157,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยทั้งสามมิใช่เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ จำเลยทั้งสามไม่เคยลงชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ในสัญญาจ้างหรือมอบอำนาจให้ผู้ใดไปทำสัญญากับโจทก์ ไม่เคยชำระเงินบางส่วนให้โจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4ว่าโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ชำระเงิน 157,500 บาทแก่โจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ 4
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คงมีปัญหาตามที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าจำเลยทั้งสามได้เชิดจำเลยที่ 4 ไปทำสัญญาว่าจ้างโจทก์สร้างถังน้ำพิพาทหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับจ้างสร้างถังน้ำพิพาทจากกรมสามัญศึกษา เพื่อติดตั้งไว้ที่โรงเรียนนาอ้อวิทยาโรงเรียนนาด้วงวิทยา และโรงเรียนเหมืองแบ่งวิทยาคม โรงเรียนละ1 ถัง ปรากฏตามสัญญาจ้างจ้างเอกสารหมาย จ.7 สัญญาว่าจ้างเอกสารหมายจ.4 ถึง จ.6 ระบุว่า จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์สร้างถังน้ำชนิดและขนาดเดียวกันกับที่จำเลยที่ 1 รับจ้างทำจากกรมสามัญศึกษาและให้นำไปติดตั้งไว้ที่โรงเรียน 3 แห่งดังกล่าวมาเหมือนกัน สัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.6 ยังระบุว่า ทำโดยจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 4ผู้รับมอบอำนาจ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ 4 ไม่ใช่หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจทำการแทนห้างก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 4เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และเป็นน้องชายของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 โจทก์สร้างถังน้ำพิพาทเสร็จแล้วได้นำไปติดตั้งไว้ตามสัญญาก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 เพราะเป็นงานที่จำเลยที่ 1 รับจ้างมาจากกรมสามัญศึกษา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากสัญญาที่จำเลยที่ 4 ทำกับโจทก์และการทำสัญญาของจำเลยที่ 4 เป็นการทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1จะไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 เป็นตัวแทน ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 4 ออกเป็นตัวแทนของตน เท่ากับจำเลยที่ 1ว่าจ้างโจทก์ทำงานตามฟ้องให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์จึงบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานและนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นตามที่จำเลยฎีกา ทั้งการนำสืบเรื่องตัวแทนเชิดนี้หาต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือในการแต่งตั้งตัวแทนเชิดดังที่จำเลยฎีกาไม่ เพราะการเป็นตัวแทนเชิดนั้น มิได้เป็นไปโดยแต่งตั้งแสดงออกชัด แต่เป็นการแต่งตั้งโดยปริยาย เมื่อจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ด้วย ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share